ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้น ตามตลาดตปท. รับแรงหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้าต่อ

          นางสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับตัวขึ้นได้ ตามตลาดต่างประเทศ โดยรับผลดีจากเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลง ซึ่งแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯขณะนี้ยังมีทิศทางที่อ่อนค่าลงจึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินไหลกลับออกไป 
          นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกของไทยที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้เชื่อว่าทั้งปีนี้ไทยน่าจะมีการเติบโตได้ตามที่คาดหมายไว้ 
          อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงจับตามมองหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ราคาน้ำมันที่ทรงตัวสูง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามากอาจจะไปกระทบต่อเงินเฟ้อของสหรัฐฯได้ นอกจากนี้ จากตัวเลขการส่งออกของไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯปรากฏว่าได้ลดลง 4 เดือนติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดสหรัฐฯเริ่มชะลอ แต่ยังดีที่ตลาดในแถบเอเชียยังขยายตัวได้ดี
          ทั้งนี้ แนะนักลงทุนระยะกลางให้"ถือ"หุ้นต่อได้ ส่วนระยะสั้นก็ให้"ขายทำกำไร"เมื่อตลาดได้ขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 842 จุด เนื่องจากมองว่าการขยับขึ้นของตลาดยังมีกรอบจำกัด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 820 จุด พร้อมแนะ"ซื้อ"หุ้น PTT, KBANK 
          ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :  
          - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(21 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,820.19 จุด เพิ่มขึ้น 53.49 จุด(+0.39%) ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,525.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด(+0.46%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,671.22 จุด เพิ่มขึ้น 16.93 จุด(+0.64%)  
          - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 81.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.16 ดอลลาร์หรือ 0.2%
          - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,645.52 ล้านบาทเมื่อ 21 ก.ย.50
          - นักวิชาการชี้เฟดลดดอกเบี้ยแรง สะท้อนเศรษฐกิจน่าเป็นห่วง เชื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น คาดอีกไม่นานเงินทุนไหลเข้า ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกระลอก แนะแบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ ลดความน่าสนใจดึงเงินทุนไหลเข้า แจงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ยังไม่กดดันเงินเฟ้อในขณะนี้  ด้านนโยบายการคลังช่วยลดอัตราภาษี เพื่อให้เอกชนมีเงินไปลงทุนมากขึ้น
          - ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้ปรับลดเป้าหมายส่งเสริมพลังงานทดแทน ทั้งเอทานอลและไบโอดีเซล(บี 100) ใหม่ เนื่องจากการพยากรณ์ความต้องการน้ำมันในปี 2548 เดิมได้ยึดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่เคยคาดการณ์ไว้ในอัตราที่สูง แต่ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจได้เปลี่ยนไป จึงทำให้ต้องปรับลดตัวเลขลงในปี 2554
          - รมว.ไอซีที ได้สั่งไม่ให้คณะกรรมการบริษัท ทีโอที ยกเลิกผลการประมูล อีออกชัน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายโทรศัพท์(เอ็มแซน) มูลค่า 250 ล้านบาท ที่บริษัท มารูเบนิ ซึ่งใช้อุปกรณ์ของบริษัท แซดทีอี เป็นผู้ชนะในราคา 180 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวได้ประมูลแบบ อีออกชัน ซึ่งถือว่าถูกต้องแล้ว
          -  สนข.ได้จัดลำดับความสำคัญของโครงการที่ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงแรกกับโครงการก่อสร้างระบบรางทางคู่ ช่วงปากช่อง-แก่งคอย-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง, เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยลดการขนส่งทางบก และช่วยประหยัดน้ำมัน อีกทั้งยังสอดคล้องกับโครงการเมกะโปรเจกต์ของกระทรวงคมนาคมด้วย