สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ หรือ SGP ได้นับ 1 ข้อมูล Filing ในวันนี้(6 ก.ย.) โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 260 ล้านหุ้น และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 20 ล้านหุ้นให้แก่กรรมการและพนักงาน มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีบจก. แอดไวเซอรี่ พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯมีโครงการในอนาคตในระยะ 1-2 ปี ได้แก่ โครงการขยายสถานีบริการก๊าซทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จำนวน 20 แห่งภายในปี 2550 โดยเป็นสถานีบริการน้ำมันในชื่อ"สยามแก๊ส"10 แห่ง และชื่อ"ยูนิคแก๊ส"อีก 10 แห่ง โดยมีแผนใช้เงินทุนขยายสถานีบริการก๊าซแห่งละประมาณ 10 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 200 ล้านบาท,
โครงการก่อสร้างท่าเรือ คลังเก็บก๊าซ และโรงอัดบรรจุก๊าซแห่งใหม่ เพื่อใช้เป็นสถานที่รับก๊าซ LPG ที่ขนส่งทางเรือจากโรงแยกก๊าซ LPG จากภาคตะวันออกของไทย เพื่อนำมาอัดบรรุจุลงถัดก๊าซหรือขนถ่ายลงรถบรรทุกก๊าซเพื่อส่งต่อให้ลูกค้าต่อไป ในเบื้องต้นคาดว่าจะจัดหาถังก๊าซขนาด 65 ตัน จำนวน 19 ลูก เพื่อใช้เป็นคลังก๊าซ และจะก่อสร้างโรงบรรจุก๊าซพร้อมอาคาร 1 แห่งภายในบริเวณเดียวกัน รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็น คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 650 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดินรวมถึงการจัดหาสินเชื่อ เพื่อใช้ในการซื้อที่ดินและก่อสร้างท่าเรือดังกล่าว
โครงการก่อสร้างคลังก๊าซและโรงบรรจุก๊าซ ในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะใช้เงินสำหรับโครงการนี้ประมาณ 400 ล้านบาท บริษัทจะจัดหาที่ดินเพื่อดำเนินการก่อสร้างคลังก๊าซ โรงบรรจุก๊าซพร้อมสำนักงานในพื้นที่เดียวกัน 1 แห่ง จัดหาถังก๊าซขนาด 100 ตันประมาณ 17 ลูก นอกจากนี้บริษัทจะจัดหาถังก๊าซจำนวนหนึ่งเพื่อใช้เป็นถังก๊าซหมุนเวียน เบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวนถังไม่ต่ำกว่า 120,000 ถัง
นอกจากนี้ จะใช้ในการชำระหนี้เงินกู้ยืมและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ หรือ SGP เดิมชื่อบริษัท วีเอสพีพี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธุรกิจการค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว แอมโมเนียและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่น และธุรกิจขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่น
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 950 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้ว 670 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 670 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีบริษัทย่อยในกลุ่ม 8 บริษัท คือ บริษัท ยูนิคแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน)(UGP) บริษัท ลัคกี้ แคร์ริเออร์ จำกัด (LCR) บริษัท ลัคกี้ มารีน จำกัด(LMR) บริษัท เคมีคัลส์แก๊ส ขนส่ง จำกัด(CGT) บริษัท ยูนิคมารีน จำกัด(UMR) บริษัท ยูนิคแก๊สเทรดดิ้ง จำกัด(UTD) บริษัท ยูนิคแก๊ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(UGI) และบริษัท ยูนิคแก๊ส แคร์ริเออร์ จำกัด(UGC)
สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2550 บริษัทฯมีรายได้รวม 7,053.02 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 254.38 ล้านบาท กำไรสุทธิ 196.38 ล้านบาท และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 5,896.71 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,790.97 ล้านบาท
ณ วันที่ 1 กันยายน 2550 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ บริษัท พรหมมหาราชพัฒนาที่ดิน จำกัด ถือหุ้น 400 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 59.70% หลังขาย IPO ครั้งนี้จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 42.11% รองลงมาเป็นนายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ถือหุ้น 114.25 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 17.05% หลังขาย IPO ครั้งนี้จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 12.03%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะ และหลังหักสำรองตามกฎหมาย
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--