นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปี 64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากปี 63 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตราว 30% จากการควบคุมค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมาตั้งแต่ปีที่แล้วที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ บริษัทย่อย บริษัท เอเชีย แพ็คเกจจิ้ง แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (APM) ก็เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ผลิตกล่องกระดาษใช้เองในกลุ่ม ทำให้สามารถช่วยเพิ่มภาพลักษณ์สินค้าให้ดูดีขึ้น และลดต้นทุนการผลิตลง รวมถึงช่วยให้อัตรากำไรปรับตัวได้ดีขึ้นด้วย ขณะที่บริษัทย่อย INTERCARABAO LIMITED (ICUK) ประเทศอังกฤษ เริ่มมีผลขาดทุนในอัตราลดลง และได้ส่วนลดจากการโฆษณาคาราบาวคัพ หรืออีเอฟแอลคัพ (EFL Cup) ทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทลดลง
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดิม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยอดขายจากการรับจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิต (OEM) ขวดแก้วที่ยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแอลกอฮอล์ ซึ่งถือเป็นสินค้าที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง
อีกทั้งยังมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับตลาดต่างประเทศ ได้แก่ เยเมน, อาฟกานิสถาน, สปป.ลาว, เมียนมา และสหรัฐฯ พร้อมทั้งยังมองโอกาสขยายตลาดเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ที่มีการเติบโตดี ซึ่งจะช่วยผลักดันสัดส่วนยอดขายต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศอยู่ราว 50% และในประเทศ 50%
ส่วนการนำกัญชง-กัญชามาใช้ในการผลิตสินค้านั้น บริษัทฯ ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับการผลิต และติดตามข่าวสารตลอด เพื่อเตรียมพร้อมในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ก้าวทันตามความต้องการของตลาด ส่วนเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองประเทศเมียนมาบริษัทฯ ไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสินค้าของ CBG มีการส่งออกต่อเนื่อง และยอดการสั่งซื้อ (Order) ของเดือน ก.พ.64 ยังดำเนินการได้ตามปกติ