"พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง"ขาย IPO 215 ล้านหุ้น ใช้คืนเงินกู้-เป็นเงินทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 14, 2007 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า บมจ. พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง หรือ PM จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 215 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯจำนวน 150 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 23.08% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ และผู้ถือหุ้นเดิมได้แก่ บริษัท พรีเมียร์ เพ็ท โพรดักส์ จำกัด ได้เสนอขายอีก 65 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 10% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท  
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อต้องการนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมแต่งตั้งบจก. แอดไวเซอรี่ พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในครั้งนี้
บมจ. พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง หรือ PM ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค แบ่งเป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์อาหาร/เครื่องดื่ม ลูกอม ผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและของใช้ในครัวเรือน โดยสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายเป็นการจำหน่ายในประเทศทั้งหมด ซึ่งจำหน่ายผ่านช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ได้แก่ ช่องทางการจำหน่ายแบบร้านค้าสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด ช่องทางจำหน่ายแบบดั้งเดิม และรถขายเงินสด ซึ่งมีเครือข่ายร้านค้าครอบคลุมกว่า 26,000 แห่งทั่วประเทศ
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 650 ล้านบาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 500 ล้านบาท โดยมีบริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล(PFC)และบริษัท พรีเมียร์ เพ็ท โพรดักส์ จำกัด(PPP)เป็นผู้ถือหุ้นใหย๋ ในสัดส่วน 85% และ 15% ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัท ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทมีบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ บริษัท พรีเมียร์ แคนนิ่ง อินดัสตรี้ จำกัด(PCI) และบริษัท พรีเมียร์ โฟรเซ่น โพรดักส์ จำกัด(PFP) ซึ่งบริษัทได้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วในแต่ละบริษัท โดยบริษัทย่อยทั้งสองแห่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร
ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในงวด 3 เดือนแรกของปีนี้(2550) มีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 50 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งไม่ได้เป็นกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานปกติ ในงวด 3 เดือนแรกปี 50 เป็นจำนวน 40 ล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าวจะส่งผลให้มีกำไรสุทธิจำนวน 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของรายได้จากการขายและบริการ
ในไตรมาส 1 ปี 2550 บริษัทและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 1,135 ล้านบาท หนี้สินรวม 907 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นมี 228 ล้านบาท
บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลโดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดของบริษัท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ