นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในปี 64 จะทำยอดขายที่ 3.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มียอดขาย 3.4-3.5 พันล้านบาท ส่วนรายได้จะอยู่ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1.6 พันล้านบาท โดยในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 500-600 ล้านบาทเข้ามาทั้งหมด และยังมีการทยอยการขายโครงการพร้อมอยู่ที่มีมูลค่ารวมราว 3 พันล้านบาท ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ขณะที่บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมดในทำเลรอบกทม.และปริมณฑล ทั้งทางโซนเหนือ ตะวันตก ตะวันออก และใต้ โดยเน้นไปที่โครงการทาวน์เฮาส์เป็นส่วนใหญ่ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท แบ่งการเปิดโครงการออกเป็น 4 โครงการในครึ่งปีแรก และอีก 3 โครงการในครึ่งปีหลัง
บริษัทยังได้เพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัย ให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ด้าน Segment ของบริษัทด้วยมีอัตราการเติบโตที่ดี และสอดคล้องกับลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการบ้านในยุคโควิค-19 และยังคงเดินหน้าพัฒนากลุ่มฐานการผลิตใหญ่ภายใต้ Brand โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอร์รี่ และบ้านฟ้ากรีนพาร์ค เป็นเรือธงเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม อีกทั้งยังรุกขยายหาฐานลูกค้าใหม่ ตลาดใหม่เพื่อเพิ่ม Market Share ของบริษัท ควบคู่การพัฒนาคุณภาพการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีก่อสร้างทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งบริษัทยังมองว่าปี 64 ยังเป็นโอกาสของผู้ซื้อบ้านแนวราบ และยังเป็นตลาดของผู้ซื้อที่มีความพร้อมเรื่องบ้าน ด้วยปัจจัยบวกทั้งอัตราดอกเบี้ยซื้อบ้านที่ลดลงและมาตรการรัฐที่มอบให้กับกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยที่ผ่านบริษัทได้มีการเรียนรู้จากวิกฤตโควิด-19 มีมาตรการป้องกันรองรับอย่างฉับไวทุกส่วนงาน สร้างความเชื่อมั่นทุกโครงการ ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาฯ คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดระดับราคาบ้าน 3-5 ล้านบาทที่บริษัทมีการปรับตัวได้ดี มีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร มีระบบบริการออกมาดูแลลูกค้า ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยผนวกนวัตกรรม Smart Eco, Smart Care เพื่อเดินหน้าทำตลาดแนวราบปีนี้
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีธุรกิจด้านสุขภาพครบวงจรที่เป็นการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรทางการแพทย์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยจะเป็นการลงทุนผ่านบริษัท ศิริอรุณ เวลเนส เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในดือน มี.ค. 64 โดยปัจจุบันบริษัทเปิดศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพไปแล้ว 3 สาขา ประกอบด้วย ในอุบลราชธานี 1 สาขา และใกล้โรงพยาบาลศิริราช 2 สาขา
นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาแนวทางการพัฒนาที่ดินในเชียงใหม่ที่อยู่ใกล้กับคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาติดถนนไฮเวย์ ซึ่งมองว่ามีโอกาสพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสในอนาคตได้ ซึ่งบริษัทยังรอสถานการณ์ของทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไห้ฟื้นขึ้นอย่างชัดเจนก่อนถึงจะเริ่มวางแผนการพัฒนาต่อไป