บมจ.เอเชียโฮเต็ล(ASIA)เตรียมพิจารณาแนวทางการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจ พร้อมไปกับการเดินหน้าล้างขาดทุนสะสม เพื่อเตรียมพร้อมเติบโตในอนาคต แม้ว่าปีนี้จะปรับลดเป้ารายได้เหลือโต 10-12% จากเป้าเดิมโต 15-20% แต่ก็เป็นผลพวงจากปัญหาภายในประเทศที่มีต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว ขณะที่นำที่ดินศูนย์การค้าเซียร์รังสิตไปแลกเป็นการขยายสิทธิการเช่าได้ประโยชน์ในระยะยาว
นายสุรพล เตชะหรูวิจิตร กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการ ASIA กล่าวว่า บริษัทมีสภาพคล่องค่อนข้างพร้อมสำหรับการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ โดยมีหนี้รวมทั้งกลุ่มประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาท เป็นอัตราส่วนที่เหมาะกับทุน นอกจากนั้นการที่กลุ่มเตชะหรูวิจิตรยังถือหุ้นใหญ่อยู่ถึง 80% ทำให้การตัดสินใจวางแผนธุรกิจทำได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินหรือการเพิ่มทุน ซึ่งจะต้องหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร
"สัดส่วนเปอร์เซนต์หรือวงเงินที่กู้ก็ยังพอขยายไปอีกได้ จะเพิ่มทุนก็ยังพอทำได้เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถืออยู่มากการเพิ่มทุนให้กับ public ก็ไม่ทำให้เกิด dilution เยอะ Status ต่างๆ ค่อนข้างจะพร้อมที่จะเดินหน้าได้เพียงแต่ดูความชัดเจนว่าจะทำอะไรต่างหาก ส่วนในอนาคตจะมีการเพิ่มทุนหรือไม่ยังตอบไม่ได้"นายสุรพล กล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่าหุ้นในมือกลุ่ม"เตชะหรูวิจิตร"หมดไซเรนท์พีเรียดไปส่วนหนึ่งเมื่อ 22 ก.ค.แต่ก็ยังไม่ได้ขายออกไป
"ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังไม่ได้ขยับ ยังนิ่งอยู่เฉยๆทำให้ราคาหุ้นทรงตัว ตลาดลงเราไม่ได้ลง ตลาดขึ้นเราไม่ขึ้นด้วยเพราะจำนวนฟรีโฟลตอยู่ในตลาดนิดเดียว"
อย่างไรก็ตาม อีกแผนงานหนึ่งที่เป็นเป้าหมายดำเนินการในขณะนี้คือการทยอยล้างขาดทุนสะสม เพื่อปูทางธุรกิจให้มีความชัดเจน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเป็นรอบๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนเป็นระยะๆ ซึ่งในไตรมาส 2/50 บริษัทได้นำสำรองตามกฎหมายมาล้างจำนวน 321 ล้านบาท และใช้ส่วนล้ำมูลค่าที่ค้างอยู่เมื่อหลายปีก่อนอีก 25 ล้านบาท
ณ ปัจจุบันเหลือขาดทุนสะสมประมาณ 700-800 ล้านบาท จากก่อนหน้ามีขาดทุนสะสม 1,000 กว่าล้านบาท
*ปรับลดเป้ารายได้ทั้งปีเหลือโต 10-12% จากเป้าเดิมโต 15 -20%
นายสุรพล กล่าวว่า ASIA ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้โตเหลือ 10-12% หรือมีรายได้ราว 1.1 พันล้านบาท ซึ่งเดิมตั้งเป้าไว้โต 15-20% จากปี 49 ที่มีรายได้ 1,066 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าชะลอเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพราะสถานการณ์การบ้านเมืองไม่สงบจากเรื่องการเมือง รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบบ้าง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้จะลดลง แต่ในด้านรายจ่ายก็ลดลงด้วย เพราะธุรกิจโรงแรมมีรายจ่ายแปรผันตามต้นทุน แต่ภาพรวมทั้งปียังไม่แน่ใจว่าจะกระทบกับกำไรสุทธิหรือไม่ เนื่องจากลูกค้าอาจชะลอการเดินทางเท่านั้นไม่ถึงกับยกเลิก โดยอาจเลื่อนจากไตรมาส 2-3 ไปเป็นไตรมาส 4 แทนก็ได้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ในครึ่งปีหลังต่อไป
"ปีนี้โตประมาณ 10-12% ยังได้สบาย เพราะช่วงไตรมาส 1 ได้เยอะ แต่ไปวูบลงไตรมาส 2 เท่าที่เห็นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพอวูบไปส่วนหนึ่งอีก 4-5 เดือนจะโผล่ขึ้นมาทดแทนทุกครั้ง จึงมองว่าไตรมาส 4 จะดี เพราะเป็นลักษณะที่นักท่องเที่ยวตั้งใจจะมาแต่ช่วงนี้ไม่ดีก็รอช่วงต่อไป"นายสุรพล กล่าว
*คาด Q3/50 ผลการดำเนินงานดีกว่า Q2/50 แต่ยังรับผลกระทบการชุมนุม
นายสุรพล คาดว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/50 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 2/50 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 162.98 ล้านบาท ซึ่งอาจจะดีกว่าไม่มากนักเพราะยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การเมืองภายในประเทศต่อเนื่องจากไตรมาส 2/50 ส่วนสถานการณ์ที่คลี่คลายลงในขณะนี้และมีกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนนั้นน่าจะส่งผลดีในช่วงไตรมาส 4/50 หรือ ต้นปี 51
"ไตรมาส 3 ผลกระทบเหล่านี้ก็ยังจะมีอยู่ ส่วนหลังเลือกตั้งก็จะหลุดไปไตรมาส 4 หรือต้นไตรมาส 1/51 แล้ว แต่ไตรมาส 3 ยังรับผลกระทบจากการเดินขบวนอยู่"นายสุรพล กล่าว
ASIA ไตรมาส 1/50 มีกำไรสุทธิ 63.79 ล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงไตรมาส 1/49 ที่มีกำไร 40.69 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/50 ขาดทุน 162.98 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 700% เนื่องจากบริษัทเอเชีย แอร์พอร์ท โฮเต็ล บริษัทย่อย บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 171.38 ล้านบาท
นายสุรพล กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/50 มีรายการพิเศษคือการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของที่ดินที่บริษัทย่อยได้นำที่ดินที่มีราคาประเมินใหม่ 113 ล้านบาท ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 284.38 ล้านบาท โดยนำไปแลกกับการขยายสิทธิการเช่าที่ดินเป็น 25 ปี ดังนั้น ไตรมาส 3/50 ก็น่าจะออกมาดีเพราะไม่มีการรับรู้ผลดังกล่าว แต่จะเป็นรายได้จากการดำเนินงานเท่านั้น
"เวลาเอาที่ดิน 113 ล้านบาทไปแลกได้ประโยชน์กลับมา 1,000 กว่าล้านบาท เมื่อได้ประโยชน์มา 1,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากเป็นสิทธิการเช่าก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้ แต่ในส่วนที่ดินที่จะไปแลกต้องบันทึกเป็นด้อยค่าไว้"
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปกติในงวด 6 เดือนแรก มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 72.19 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติงวดเดียวกันปีก่อนที่ 67.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.40%
สำหรับกิจการโรงแรมในเครือนั้น โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ยังมีอัตราเข้าพักปกติ แต่ถือว่าต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับโรงแรมแอร์พอร์ท รังสิต แต่ยังมีรายได้เพิ่มจากการประชุมสัมมนาเข้ามาเพิ่มขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีการย้ายกลับมาใช้สนามบินดอนเมือง ส่วนโรงแรมเอเชีย พัทยา ภาพก็ใกล้เคียงกัน
"ปีนี้ภาพรวมการเข้าพักลดลงจากที่ตั้งเป้า แต่ผลรวมเมื่อเทียบกับปีที่แล้วก็ยังสูงกว่าปีที่แล้ว โดยรวมธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากตรงนี้ทั้ง Industry ไม่เฉพาะเราคนเดียว" นายสุรพล
*แลกที่ดินเซียร์รังสิตเป็นสิทธิการเช่าได้ประโยชน์กว่าพันลบ.
นายสุรพล กล่าวถึงกรณีที่บริษัท เอเชีย แอร์พอร์ท โฮเต็ล จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยได้ตกลงนำที่ดินที่มีมูลค่าตามบัญชี 284.38 ล้านบาท และราคาประเมินใหม่ 113 ล้านบาทไปแลกเปลี่ยนกับเจ้าของสินทรัพย์เพื่อขอต่ออายุสัญญาเช่าศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต ออกไปอีกเป็นเวลา 25 ปี จากเดิม 16 ปี
ศูนย์การค้าแห่งนี้ดำเนินการโดยบริษัท เซียร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่ง โดยสิทธิการเช่าส่วนที่ขยายเพิ่มมีราคาประเมินโดยผู้ประเมินราคาอิสระเท่ากับ 1,126 ล้านบาท ในขณะที่บริษัท เซียร์ พร็อพเพอร์ตี้ มีต้นทุนการได้มาซึ่งสิทธิการเช่าส่วนที่ขยายเพิ่มดังกล่าวเพียงแค่ 113 ล้านบาท จึงเป็นการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่สร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่ม ASIA
"ภาพรวมทำให้กระทบในทางดีคือเอาที่ดิน 113 ล้านบาทไป และได้ผลตอบแทนมาเป็น 1,000 กว่าล้านบาท ที่ดินจำนวนนี้ปัจจุบันเป็นที่ดินที่เรายังไม่ได้ใช้ประโยชน์ถือว่าเอาของที่มีมูลค่าแต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ไปต่อยอดธุรกิจ" นายสุรพล กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--