นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 63 สามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงชะลอตัวจากภาวะโรคระบาด โดยบริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 9,531 ล้านบาท เติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 75,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนที่ทำได้ 60,286 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 นับว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิ 5,499 ล้านบาท เติบโต 7,331% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 26,246 ล้านบาท เติบโต 76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 14,881 ล้านบาท
การเติบโตของผลการดำเนินงานดังกล่าวมาจากความต้องการใช้ยางในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน หลังจากควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้มีความต้องการใช้ยางเพื่อการผลิตยางล้อ (รถ) เพิ่มขึ้น รวมถึงผลการดำเนินงานปี 63 ของ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ STA สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ จากผลการดำเนินงานดังกล่าว
"เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมยางน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นไป จะส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีความต้องการใช้เพื่อการผลิตยางล้อ และอุตสาหกรรมถุงมือยางที่มั่นใจว่าจะยังมีดีมานด์ที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยสำคัญให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายการเติบโต" นายวีรสิทธิ์ กล่าว