ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 250 จุดเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่งผลให้เกิดความหวั่นกลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกกำลังประสบภาวะชะลอตัว หรือ อาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 249.97 จุด หรือ 1.87% ปิดที่ 13,113.38 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับลง 25.00 จุด หรือ 1.69 % ปิดที่ 1,453.55 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 48.62 จุด หรือ 1.86% ปิดที่ 2,565.70 จุด
นักลงทุนชะงักการเข้าซื้อขายหลังกระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขจ้างงานใหม่นอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ลดลง 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 4.6% ตามคาด
ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนพากันเฝ้ารอรายงานตัวเลขจ้างงานเนื่องจากสามารถเป็นตัวสะท้อนว่าสภาพเศรษฐกิจเป็นเช่นไรขณะเผชิญวิกฤตซับไพรม์ ขณะที่นักลงทุนก็มองว่าตัวเลขจ้างงานเป็นสิ่งสำคัญในการชี้วัดสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ
โดยแซค แพนเดิล นักเศรษฐศาสตร์ของเลห์แมน บราเธอร์ส เชื่อว่า รายงานตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค. จะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมครั้งหน้าวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเขาคาดว่า เฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% มาอยู่ที่ 5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--