BCPG โชว์ EBITDA ปี 63 ทำนิวไฮ รายได้โตจากโครงการใหม่-ค่าใช้จ่ายลดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 18, 2021 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดปี 2563 EBITDA โตขึ้น 30.2% จากปี 2562 อยู่ที่ 3,849 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลจากการลงทุนโครงการใหม่ๆ และการเติบโตของโครงการลงทุนที่มีอยู่เดิม

ขณะที่รายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 4,231 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1,959 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.5%

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปี 2563 มีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว "Nam San 3A" ที่กลุ่มบริษัทฯ เข้าซื้อตั้งแต่เดือน กันยายน 2562 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม "ลมลิกอร์" ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562

นอกจากนี้ ยังทยอยรับรู้รายได้จาก 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งที่ 2 "Nam San 3B" ใน สปป. ลาว ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าซื้อเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการในประเทศไทย ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ที่ได้เข้าซื้อเมื่อเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน

ขณะเดียวกันยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพเพิ่มขึ้น เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ได้รับการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการเดินทางติดต่อธุรกิจลดลง ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายด้านที่ปรึกษาเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการได้ลดลง

ณ สิ้นปี 2563 สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 51,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 37.9 ส่วนหนี้สินรวมอยู่ที่ 28,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% โดยการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ และหนี้สินดังกล่าว มีสาเหตุหลักจากการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ "Nam San 3B" ที่ สปป.ลาว และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการในประเทศไทย

"ปี 2563 เป็นปีที่บริษัทฯ มี EBITDA ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนในโครงการใหม่ๆ และการเติบโตของโครงการลงทุนที่มีอยู่เดิมซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา และจากความสำเร็จในการเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมานี้ ทำให้บริษัทฯ มีโครงสร้างทางการเงินที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตขึ้นเป็นระดับ 22,480 ล้านบาท เติบโต 45% โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) อยู่ใน 1.27 เท่า

พร้อมรองรับแผนการลงทุนในระยะ 5 ปี วงเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ที่สามารถทำให้บริษัทฯ มีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า adder ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะทยอยหมดลงไปก็ตาม เป้าหมาย EBITDA ของบริษัทฯ จะยังคงเติบโตโดยเฉลี่ย 15% ต่อปี ใน 5 ปีข้างหน้า" นายบัณฑิตกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ