"Weekly Highlight" สัปดาห์นี้ (22-26 ก.พ.) เจาะลึกกับข่าวสารสำคัญ ในรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564
เริ่มต้นกับการสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว (15-19 ก.พ.) SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,500 จุด ลดลง 0.52% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงขายปรับพอร์ตช่วงท้ายสัปดาห์ ของกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ จากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ
สำหรับภาพรวมบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แม้ว่าช่วงต้นสัปดาห์นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเป็นลบเล็กน้อย จากความเสี่ยงของแรงขายระยะสั้นขานรับกับ MSCI Index เตรียมปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยรอบใหม่ ซึ่งจะมีผลประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ก.พ.นี้ โดย MSCI Rebalance ครั้งนี้ จะลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยลงจากเดิม 0.01% และคาดจะมีเม็ดเงินไหลออกจากหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่หลายบริษัท รวมกันประมาณ 41 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 1,200 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม การทบทวนปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI รอบนี้ กลับมีหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ 2 บริษัท ที่ถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ประกอบด้วย หุ้น GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนกว่า 29 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ หุ้น OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนกว่า 129 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้เป็นที่คาดหมายว่าราคาหุ้น OR ในสัปดาห์นี้จะกลับมาฟื้นตัวระยะสั้น หลังจากรอดพ้นไม่ติดเกณฑ์ Cash balance ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเฝ้าระมัดระวังกับแรงขายที่อาจตามมาภายหลังจากหุ้น OR เข้าคำนวณใน MSCI Index เป็นที่เรียบร้อย
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ ประเมินภาพ SET INDEX สัปดาห์นี้ แม้ว่าจะเห็นการปรับฐานในช่วงต้นสัปดาห์จากการปรับพอร์ตของผู้ลงทุนสถาบัน แต่หลังจากนั้นจะเริ่มเห็นแรงซื้อคืนได้เช่นกัน จากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และแรงเก็งกำไรในหุ้นรายตัว หลังเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการรายงานผลประกอบการงวดสิ้นปี 2563
"สัปดาห์นี้มีโอกาสดัชนีตลาดหุ้นไทยจะรีบาวด์อ่อนตัวต้นสัปดาห์ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ กรอบแนวรับ 1,480 จุด แล้วค่อยขึ้นไปหาแนวต้าน 1,515-1,530 จุด"นายถนอมศักดิ์ กล่าว
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า กลยุทธ์ระยะสั้นก่อนวันที่ 25 ก.พ.นี้แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่ MSCI ลดน้ำหนักหรือรอตั้งรับลึกกรณีพื้นฐานดีอยากซื้อเล่นรอบ ได้แก่ PTT, CPALL, KBANK-F ,SCC, AOT,ADVANC, BDMS, KBANK, PTTEP, PTTGC, BBL-F ,INTUCH, BEM, BTS ,HMPRO และ DELTA คาดจะมีแรงขายราว 9 ล้านเหรียญถึง 3.5 ล้านเหรีญต่อบริษัท
ด้านธนาคารกสิกรไทย (KBANK)ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่ 29.80-30.20 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส และประเด็นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลการส่งออกเดือนม.ค. และปัจจัยทางการเมืองของไทย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจาก Core PCE Price Index เดือนม.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ จีดีพีไตรมาส 4/63 (ครั้งที่2) และดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค. 63 นอกจากนี้ตลาดอาจยังคงติดตามสถานการณ์โควิด 19 ทั้งในและต่างประเทศ
https://youtu.be/oAD096mYI1o