นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down คาดว่าจะถูกกดดันจากอัตราผลอตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯที่ล่าสุดปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี อีกทั้งยังเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศที่ยังขายสุทธิอยู่ สำหรับราคาน้ำมันอาจกดดันเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเช้านี้ราคาน้ำมันได้รีบาวด์กลับขึ้นมาได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกัน ซึ่งตลาดที่บวกได้ดีเป็นตลาดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ และตลาดหุ้นมาเลเซียจะบวกเพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ ให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่วันนี้ ในประเด็นการคลายล็อกดาวน์ และวันที่ 23-24 ก.พ.นี้ให้ติดตามประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงต่อสภาคองเกรส โดยให้ติดตามมุมมองเศรษฐกิจ และการเงินที่ประธานเฟดจะแถลงออกมา และในวันที่ 24-25 ก.พ.นี้ก็ให้ติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2
พร้อมให้เฝ้าระวังแถว 1,500 จุด จะยืนได้หรือไม่ หากไม่ได้จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,490 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,510 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,494.32 จุด เพิ่มขึ้น 0.98 จุด (+0.0031%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,906.71 จุด ลดลง 7.26 จุด (-0.19%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,874.46 จุด เพิ่มขึ้น 9.11 จุด (+0.066%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 11.02 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 263.86 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 426.88 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ก.พ.)1,500.51 จุด ลดลง 10.52 จุด (-0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,996.27 บาท เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ก.พ.) ปิดที่ 59.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.พ.) อยู่ที่ 3.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 29.97 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 29.90-30.00 ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
- ททท.เตรียมชง ศบศ.พิจารณาจัดตั้งกองทุน 30,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการปรับตัวให้เข้ากับสมดุลใหม่หลังโควิด-19 คลี่คลาย รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับมาในครึ่งปีหลัง ลั่นจะไม่ยอมปล่อยไปตามยถากรรมหรือต้องล้มหายตายจากไป
- นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยถึงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทต่างชาติ ที่เข้ามาหารายได้ในประเทศ โดยไม่ได้เข้ามาตั้งสำนักงานหรือออฟฟิศในไทย ว่า ขณะนี้ยังติดเงื่อนไขของการเป็นประเทศสมาชิกสนธิสัญญาภาษีซ้อน ที่ระบุให้นิติบุคคลเสียภาษีให้เพียงประเทศเดียว ณ ที่ตั้งออฟฟิศหรือสำนักงาน ซึ่งประเด็นนี้ทำให้หลายประเทศอยู่ระหว่างการหาทางออกร่วมกัน โดยมีองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development) หรือ OECD เป็นคนกลางในการเจรจาหาทางออกร่วมกัน
- "อนุทิน" การันตี วัคซีน Sinovac ล็อตแรกถึงไทย 24 ก.พ.นี้ และจะมาครบ 2 ล้านโดส ภายในเดือน เม.ย.นี้ ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดพบติดโควิดใหม่ 92 ราย "บิ๊กตู่" แย้ม "ศบค.ชุดใหญ่" ถกวันนี้ ผ่อนคลายนั่งดื่มในร้าน-เปิดสถานบันเทิง
- พาณิชย์เผย อานิสงส์โควิดหนุน สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่งออกโตต่อเนื่อง ยอดรวมปี 63 ทำได้มูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% ชี้ความต้องการยังมี แต่ต้องเป็นสินค้าอัจฉริยะ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 42.2 บาท เก็งกำไรงบ Q4/63 คาดมีกำไรสุทธิ 7.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 84%yoy แบ่งเป็นกำไรปกติ 4.9 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 18%yoy และกำไรพิเศษจากการเปลี่ยนแปลงเงินลงทุนใน CTI ที่จีนประมาณ 2.5 พันล้านบาท
- PTT (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ"เป้า 46 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard บริษัทลูกในกลุ่มฯ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นนำไปมาก ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปี 64 กลับมาเติบโต YoY ตามสภาพเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว ประกอบฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทเปิดโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยบริษัทจ่ายปันผลงวด H2/63 ที่ 0.82 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.Yield 2.1% ขึ่ย XD วันที่ 4 มี.ค.64 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 30 เม.ย.64
- CENTEL (ยูโอบีเคย์เฮียน) "เก็งกำไร"ได้ผลดีจากข่าววัคซีน และมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวที่ใกล้จะประกาศ รวมทั้งจิตวิทยาระยะสั้นจากการผ่อนคลายของศบค.