หุ้นในกลุ่มยางพาราขยับขึ้นทั่วหน้า โดยเมื่อเวลา 10.18 น.หุ้น STA พุ่ง 8.67% มาอยู่ที่ 47.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,876.56 ล้านบาท
หุ้น TRUBB บวก 2.86% มาอยู่ที่ 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.99 ล้านบาท
หุ้น NER บวก 1.92% มาอยู่ที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 96.23 ล้านบาท
บริษัท คลาสสิก ออสสิริส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แนวโน้มราคายางมีโอกาสเพิ่มขึ้น จาก 2 ปัจจัย 1.ความต้องการยางที่เพิ่มขึ้น จากการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้นในการใช้ของร้านค้าและเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ใช้ในการรักษา และใช้ในช่วงฉีดยาต้านโควิด-19 และ 2.ความต้องการยางเพิ่มขึ้นจาก แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่กำลังขยายตัว เพราะ IMF มองว่าเศรษฐกิจโลกปีที่แล้วที่ดีกว่าคาด คือ หดตัวน้อยกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี ที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัวเข้มแข็งในไตรมาสสาม หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์เช้านี้ระบุว่า นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคายางพารามีแนวโน้มที่ดีสภาวะตลาดโลกยังคงเอื้อให้ราคายางยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพในขณะนี้ เนื่องจากสภาวะราคาของน้ำยางสดและยางแปรรูปในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าในช่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงมีความต้องการใช้ยางในตลาดมาก รวมทั้งตลาดยังมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพื่อสุขอนามัยและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นถุงมือยาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปมีมากขึ้นสวนทางกับปริมาณผลผลิตน้ำยางในตลาดโลกที่ลดลง เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูปิดกรีด สวนยางผลัดใบ ประกอบกับ สวนยางพาราในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียประสบโรคระบาด และเสียหายจากอุทกภัยรวมกว่า 5 ล้านไร่ จึงมั่นใจว่าแนวโน้มของราคายางแผ่นรมควันและยางก้อนถ้วยยังปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด