นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าในปี 64 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ จากปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 6.01 พันล้านบาท โดยหลักมาจากการขาดทุนสต็อกน้ำมัน (stock loss) ขณะที่ปีนี้ทิศทางราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากปัจจุบันราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาอยู่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ระดับ 51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นผลมาจากเรื่องของวัคซีนต้านโควิด-19 ทำให้ดีมานด์เริ่ม Recovery กลับมาได้บ้าง และโอเปกมีการลดกำลังการผลิตลง จึงเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบดูไบยังคงยืนในระดับดังกล่าวได้ รวมถึงปัจจัยฤดูหนาวในฝั่งสหรัฐฯ ด้วย
ทั้งนี้ค่าการกลั่นแก๊สโซลีน (Gasoline), น้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน (JET) ก็ปรับดีขึ้น โดยคาดว่าค่าการกลั่น (GRM) ปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 3-4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งน่าจะเห็นภาพชัดเจนได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป
ขณะที่ประเมินปริมาณการกลั่นปีนี้ แบ่งออกเป็น 2 กรณี โดยในกรณีที่ความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบินกลับมาเป็นปกติ คาดว่าปริมาณการกลั่นจะกลับไปใกล้เคียงกับไตรมาส 1/62 ที่เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตที่ระดับ 175,000 บาร์เรล/ตัน แต่หากความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบินยังไม่กลับมาเป็นปกติในปีนี้ ก็คาดว่าปริมาณการกลั่นน่าจะอยู่ที่ระดับ 150,000-160,000 บาร์เรล/ตัน
"ในปีนี้เรายังไม่เห็นถึงปัจจัยที่จะส่งผลกระทบให้เราขาดทุน จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เริ่มดูดีขึ้น ซึ่งปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก โดยแนวโน้มครึ่งปีแรกนี้ก็คงจะไม่ต่างจากครึ่งปีหลังของปีก่อนมากนัก โดยเรายังคงรักษาระดับการกลั่นไว้ให้ใกล้เคียงเดิมราว 3-4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวดีขึ้น จากในเรื่องของวัคซีนที่เข้ามา และดีมานด์น้ำมันเครื่องบิน" นายวิชัย กล่าว
สำหรับงบลงทุนปีนี้ บริษัทฯ วางงบลงทุนไว้ราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น ใช้สำหรับการลงทุนปกติ หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความปลอดภัย และค่าการกลั่น จำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอีก 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้ในการขยายการลงทุนไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงกลั่น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาใน 2 โครงการ ประกอบด้วย ธุรกิจค้าปลีก และศึกษานำน้ำมันที่อยู่ในโรงกลั่นมาต่อยอดเป็น high value product เพื่อลดการขนส่ง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปี 65