นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) กล่าวว่า แนวโน้มปี 64 บริษัทเชื่อมั่นว่า หลังประชาชนทยอยได้รับวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลจะเริ่มเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ความมั่นใจของผู้บริโภคและกำลังซื้อจะเริ่มกลับมาดีขึ้น และเศรษฐกิจภายในประเทศจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ยอดขายของสาขาพลิกกลับมาเติบโตได้
รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่จะยังเป็นหนึ่งในกำลังหลักในการผลักดันการเติบโตของยอดขาย และยอด OEM ที่มีแนวโน้มสดใสจะยังคงเติบโตได้สูงในปีนี้ หลังบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากอานิสงส์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทฯ ให้สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างมั่นคง
ขณะที่บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงต่อไป รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการปริมาณสินค้าคงเหลือให้อยู่ในระดับต่ำอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทกลับไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ได้ นางสาวกฤษชนก กล่าว
สำหรับผลการดำเนินการในปีที่ผ่านมานั้น ไตรมาส 4/63 แม้มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐประกาศมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายจังหวัด โดยการเติบโตของรายได้รวมอยู่ที่ 2,128 ล้านบาท และบริษัทมีกำไรสุทธิ 143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้ภาพรวมปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 8,198 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 421 ล้านบาท
ในไตรมาส 4/63 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย 45.4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 41.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลังดำเนินการปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 6.7% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลังบริษัทฯ เดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายในทุกด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
นางสาวกฤษชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ในช่วงสถานการณ์ที่ยังค่อนข้างยากลำบาก บริษัทสามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างแข็งแกร่ง ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวสถาบันการเงินนับจากต้นปีรวม 1,502 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระคืนก่อนกำหนด 1,156 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาบริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องนับจากเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ก.ค.62