หุ้น SUN ราคาร่วงลง 16.58% มาอยู่ที่ 4.88 บาท ลดลง 0.97 บาท มูลค่าซื้อขาย 158.55 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.54 น. โดยเปิดตลาดที่ 5.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.62 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.ซันสวีท (SUN) มีโอกาสปรับประมาณการลงเนื่องจาก GPM ของบริษัทมีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาดหากปริมาณผลผลิตต่อไร่ที่อาจไม่เป็นตามคาด, ต้นทุนต่อไร่ที่สูงขึ้น, ราคาบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง, ปัญหาในด้านการขนส่งจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะส่งผลต่อผลประกอบการที่อาจต่ำกว่าที่คาด และเพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการประเมินมูลค่าบริษัท
นอกจากนี้ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาแล้ว 32% YTD และมี Upside gain จำกัดเพียง 8.55% จึงเปลี่ยนจากคำแนะนำจาก"ซื้อ"เป็น"เทรดดิ้ง"
บริษัทมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา 2 หุ้นเดิม/1 หุ้นปันผล ซึ่งเป็นไปตามแผนการย้ายเข้า SET ของบริษัท โดยเบื้องต้นคาดจะมีการย้ายอย่างเร็วภายในครึ่งปีแรก (H1/64) นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น และมีความหลากหลายของนักลงทุนมากขึ้น เช่น นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ
ทั้งนี้ รายได้ไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 632 ล้านบาท (-14.6% QoQ, +18.8% YoY) ใกล้เคียงกับคาด ลดลง QoQ จากปัจจัยทางฤดูกาลที่เข้าสู่หน้าหนาวทำให้ผลผลิตลดลง เติบโต YoY จากการขยายตลาดต่างประเทศในแถบเอเชีย และยุโรปเพิ่มเติม และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ารายเดิม รวมถึงรายได้ในประเทศที่สูงขึ้นจากสินค้ากลุ่มพร้อมรับประทาน (RDE)
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.6% ลดลงจาก 20.6% ในไตรมาส 3/63 แต่เพิ่มขึ้นจาก 7.7% ในไตรมาส 4/62 และต่ำกว่าที่คาดที่ 18.7% ค่อนข้างมาก จากปริมาณผลผลิตที่ไม่เป็นตามคาดจากปัจจัยฤดูกาลที่อากาศหนาวยาวนานกว่าปกติ ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น, ราคาบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียมที่สูงขึ้น และค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น QoQ ขณะที่ SG&A/Sales อยู่ที่ 10.0% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3/63 ที่ 8.5%
กำไรปกติอยู่ที่ 18 ล้านบาท ลดลง 78.5%QoQ แต่พลิกจากขาดทุน 11 ล้านบาทในไตรมาส 4/62 และต่ำกว่าที่คาดค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2564 ที่คาดจะเห็นการเติบโตของรายได้ได้ต่อเนื่องจากทั้งส่วนรายได้การส่งออกที่ปริมาณความต้องการยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง และรายได้ในประเทศที่จะโตเด่นจากกลุ่มสินค้าพร้อมรับประทาน โดยมีโรงงานใหม่สำหรับสินค้าพร้อมรับประทานที่คาดจะเริ่มผลิตสินค้าได้ในไตรมาส 2/64 พร้อมคงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 227 ล้านบาท (+31.7%YoY) และคงราคาเป้าหมายที่ 6.35 บาท