นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Equity ETF ให้เป็นหลักเกณฑ์เดียวกับหลักเกณฑ์สำหรับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งต้องเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ การส่งคำสั่งซื้อขายที่เหมือนหุ้นทั่วไป เช่น การส่งคำสั่งแบบ basket order การกำหนดราคาสูงสุด-ต่ำสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาปิดครั้งก่อน รวมทั้งการทำ short sales การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ และสามารถซื้อขายโดยอ้างอิงราคา Real time รวมถึงมีผู้ดูแลสภาพคล่องตลอดเวลาของการซื้อขาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะเดียวกับการซื้อขายหุ้น
“Equity ETF เป็นหลักทรัพย์ที่ต้องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับหุ้น และต้องมีการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถซื้อขายและรู้ราคาซื้อขาย Equity ETF ได้ real time และมี market maker คอยดูแลสภาพคล่องให้ตลอดเวลา นอกจากนั้น ยังสามารถนำ Equity ETF ของไทยไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ในขณะที่สามารถนำ Equity ETF ต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นช่องทางการเชื่อมโยงที่สำคัญกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศอีกด้วย" นางภัทรียากล่าว
ทั้งนี้ การจัดตั้ง Equity ETF ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศหลายแห่ง สามารถจัดตั้งโดยสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) และบริษัทหลักทรัพย์ได้ ในขณะที่การจัดตั้งกองทุนรวม จะต้องจัดตั้งโดย บลจ. เท่านั้น
ด้านนายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า Equity ETF เป็นตราสารใหม่ที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เนื่องจากเป็นตราสารที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ เพราะมีลักษณะเหมือนการลงทุนในหุ้น แต่เป็นการลงทุนในกลุ่มหุ้นตามดัชนีที่ใช้อ้างอิง ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนักเมื่อราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งปรับลดลง และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการเลือกลงทุนในหุ้นหุ้นใดหุ้นหนึ่งด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงเป็นตราสารที่เป็นประโยชน์ในการเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งต่อผู้ลงทุนในประเทศและผู้ลงทุนต่างประเทศ
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/นิศารัตน์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--