นางเอื้อมพร ปัญญาใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP) เปิดเผยว่า ทิศทางการเติบโตของ PAP ในช่วงหลังจากนี้คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งในภาคครัวเรือน และการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเหล็ก และความต้องการใช้เหล็กที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังคงดำเนินการเพิ่มศักยภาพในกระบวนการ และเดินหน้าฝึกอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับความสามารถให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 63 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ เท่ากับ 7,299.54 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,944.14 ล้านบาท คิดเป็น 21.03% เป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กลดลงและผลกระทบด้านราคาเหล็กโลกที่ผันผวน แต่ความสามารถในการทำกำไรกลับสูงขึ้นถึง 183.85% ซึ่งคิดเป็นกำไรสุทธิ 203.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.49 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากทิศทางราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น และการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ