ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2563 (1 ม.ค.-31 ธ.ค.) เบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตกว่า 25% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 5,900 กว่าล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5,500 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 70 ปี ตามการเติบโตของเบี้ยประกันรถยนต์ โดยเฉพาะประกันรถเปิด-ปิด ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด หลังจากล่าสุดได้มีการพัฒนาต่อยอดบริการให้ลูกค้าสามารถท็อปอัพชั่วโมงการใช้งานจริง เพิ่มความยืดหยุ่น ทั้งในเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่ายเบี้ยประกัน สอดรับวิถีชีวิตยุค New Normal ควบคู่ไปกับการเน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเชิงรุก ผ่านช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง อาทิ ช่องทางออนไลน์ เป็นต้น ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับที่ถือเป็นรายได้สุทธิเติบโตกว่า 30% แตะ 4,500 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการนำ Big Data และเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และความแม่นยำระบบคัดกรองความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้น ทำให้อัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) อยู่ที่ราว 59% ใกล้เคียงกับปีก่อน ภายใต้ความสามารถการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพระดับสูงต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจาก 92.5% ในปีก่อน เหลือ 88.0% ส่งผลให้บริษัทฯยังคงมีกำไรสุทธิ 78.3 ล้านบาท แม้รายได้จากการลงทุนสุทธิจะได้รับผลกระทบจากมูลค่ายุติธรรมของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ปรับลดลง ตามแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลก หลังภาวะเศรษฐกิจซบเซาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิ (XD) วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 25 พฤษภาคม 2564