INTERVIEW: ซีอีโอ DOD เปิดบิ๊กโปรเจ็คต์กับอนาคตหุ้นดาวรุ่งสายกัญชง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 1, 2021 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธุรกิจกัญชง...นับเป็นหนึ่งในธุรกิจสุดอินเทรนด์ที่มีกระแสการตอบรับค่อนข้างดีจากกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย ภายหลังจากรัฐบาลปลดล็อกให้เอกชนสามารถยื่นขอใบอนุญาตนำพืชกัญชงผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 29 ม.ค.64 คาดว่าทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลจะเริ่มทยอยประกาศหลักเกณฑ์และออกใบอนุญาตเพื่อให้กับผู้ประกอบเอกชนสามารถดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในขั้นตอนถัดไป

และจากการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งพบว่าแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์กัญชงในเมืองไทยมีกระแสตอบรับเชิงบวก หากสามารถเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาลในหลายมิติ ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนไทยหลายรายกระโดดเข้ามาลงทุนในธุรกิจกัญชงกันเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ล่าสุด บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) ได้ถูกจัดให้เข้าข่ายเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญที่มีศักยภาพการผลิตสูงในอุตสาหกรรมกัญชงเมืองไทยในรอบนี้ด้วย

*ยื่นขอใบอนุญาตกัญชงครบวงจร (เว้นเพาะปลูก)

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD กล่าวถึงความพร้อมผ่าน "อินโฟเควสท์" ว่า ด้วยความเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเวชสำอางเพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าทั่วไปในรูปแบบการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) บริษัทได้แสดงเจตจำนงในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตกับทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยวางเป้าหมายขอรับใบอนุญาตทุกรูปแบบยกเว้นเฉพาะใบอนุญาตเพาะปลูกกัญชง

ล่าสุด บริษัทยื่นขอใบอนุญาตในการนำเข้าเมล็ดกัญชง โดยประเมินขั้นตอนระบบราชการคาดหวังว่าจะมีความชัดเจนภายใน 75 วัน หรือประมาณช่วงไตรมาส 2/64 หลังจากได้รับใบอนุญาตแล้วบริษัทจะนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงเข้ามาในไทยทันที

พร้อมกับอยู่ระหว่างเตรียมยื่นคำขอใบอนุญาตจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ให้กับกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับใบอนุญาตเพาะปลูก ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นผู้รับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรที่อยู่ในเครือข่ายของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ หลังจากนั้นเตรียมยื่นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ตามเกณฑ์ อย.เพื่อเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงให้กับลูกค้าและผู้บริโภคต่อไป

*รอลุ้นรายได้ผลิตภัณฑ์กัญชงเข้า Q4/64

นายธนิน ยืนยันว่า DOD จะไม่ได้รับผลกระทบการขาดแคลนวัตถุดิบแน่นอน เนื่องจากได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในการศึกษาวิจัยพัฒนาพันธุ์กัญชงเพื่อได้รับสายพันธุ์ที่เหมาะสมและมีคุณภาพมากที่สุดสำหรับการปลูกในประเทศไทย รวมถึงยังจะรับซื้อกัญชงที่เกษตรกรในเครือข่ายของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เพาะปลูก

เบื้องต้นประเมินรอบการปลูกต้นกัญชงจะใช้ระยะเวลาราว 4 เดือนจึงจะสามารถนำมาขายให้กับบริษัทเพื่อนำมาสกัดสารจากพืชกัญชง คาดว่ากระบวนการสกัดเพื่อเตรียมนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์จะอยู่ในช่วงไตรมาส 3/64 และจะมีผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทออกมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4/64

"กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมุ่งเน้นในการนำกัญชงมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/64 เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นถึงสารสกัดที่ได้จากกัญชงที่มีประโยชน์และคุณภาพดีในการใช้เป็นส่วนผสมที่จะสร้างมิติใหม่ให้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สกินแคร์ไนประเทศไทย และเป็นก้าวใหม่ของบริษัทในการต่อยอดการเติบโตจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พัฒนามาจากกัญชง"นายธนิน กล่าว

*เปิดโอกาสร่วมทุนต่อยอดอนาคตเพิ่มพอร์ตกัญชง

สำหรับแผนขยายการลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากกัญชงนั้น นายธนิน กล่าวว่า แม้ปัจจุบันบริษัทจะมีความพร้อมด้านการผลิตต่อยอดจากไลน์การผลิตสินค้าเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้วหากมีความชัดเจนเรื่องใบอนุญาตและกระแสความต้องการของตลาดผลิตภัณฑ์กัญชง โดยบริษัทก็อยู่ในขั้นตอนการศึกษาการลงทุนในเฟสแรก โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของการลงทุนได้รับผลตอบแทนให้ได้มากที่สุดและสามารถตอบโจทย์การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงทุนเฟสแรกมีความชัดเจนแล้วหากกระแสการตอบรับยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทก็มีความพร้อมที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจกัญชงในเฟสต่อไป เพราะเชื่อมั่นว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากกัญชงจะเป็นปัจจัยสนับสนุนสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานให้กับบริษัทในระยะยาว

นายธนิน กล่าวว่า การขยายธุรกิจกัญชงในเฟสถัดไปนั้น บริษัทไม่ได้ปิดโอกาสร่วมทุนกับพันธมิตรหากมีดีลที่น่าสนใจและมีความเหมาะสม แต่ก็ไม่ได้เร่งรีบมากนัก เพราะบริษัทยังมองเห็นศักยภาพการเติบโตด้วยตัวเอง ซึ่งจะเน้นสร้างประโยชน์จากปัจจัยบวกที่เข้ามาในช่วงนี้เป็นหลัก เพื่อทำให้บริษัทสามารถทุ่มเทการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้อย่างเต็มที่

"ผลิตภัณฑ์ที่มาจากกัญชงก็จะเป็น New S Curve ให้กับบริษัทหลังจากกฎหมายปลดล็อกแล้ว วันนี้เราแสดงความพร้อมจากการยื่นขออนุญาตกับทาง อย. ก็คงต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะเริ่มเห็นสินค้าที่เราผลิตออกมา เราจะเน้นไปที่สกินแคร์ก่อนเพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่ Mass สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้าง แต่ตอนนื้เราอยากให้กฎเกณฑ์ต่างๆมีความชัดเจนให้มากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่อง Test คุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ทาง อย. ได้กำหนดไว้ ซึ่งก็อยากให้มีหน่วยงานกลางที่เข้ามาร่วมทดสอบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและควบคุมได้มากขึ้น ทำให้เกิดการยอมรับ เพราะตอนนี้ถ้าต่างคนต่างผลิตก็ทดสอบกันเองคนที่ใช้ก็อาจจะไม่เชื่อถือได้"นายธนิน กล่าว
           ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในปี 64 เชื่อมั่นว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากปี 63 แม้จะเป็นฐานรายได้ที่สูงเมื่อเทียบกับปี 62 เพราะกระแสการตอบรับเทรนด์การดูแลสุขภาพมีอัตราเติบโตมากขึ้น ขณะที่ยังมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงไปบ้างก็ตาม แต่ด้วยตลาดเสริมอาหารมีมูลค่าขนาดใหญ่และมีอัตราเติบโตที่ดี ทำให้กลุ่มลูกค้าบริษัทมีความสนใจออเดอร์ผลิตสินค้าต่างๆที่บริษัทพัฒนาขึ้นมานำเสนอให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
           "สัญญาณออเดอร์จากลูกค้ารายเก่าและรายใหม่ยังขยายตัวได้ดี ขณะที่บริษัทก็มีพร้อมขยายกำลังการผลิตในกลุ่มบางผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเติบโตสูง นอกจากนั้นมีแผนผลักดันผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มใหม่ประเภทโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่คนเริ่มหันมาสนใจเพื่อรองรับตลาดที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ประกอบการโรงงานผลิตรายแรกของประเทศไทยที่ผลิตกลุ่มสินค้าโพรไบโอติกส์ได้มากถึง 2 ล้านซอง/เดือน และเตรียมขยายเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านซอง/เดือนในเฟสถัดไป"นายธนิน กล่าว
          https://youtu.be/C8H_tLWYKOI

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ