นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้จะแตะเป้าหมาย 3 พันล้านบาทเร็วขึ้น 1 ปี จากเดิมตั้งเป้าไว้ในปี 67 ก็จะปรับมาเป็นปี 66 หลังจากบริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจกัญชงด้วยการเขาซื้อบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด (GHT) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกัญชงตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาต่อยอดในการนำผลิตภัณฑ์จากกัญชงมาใช้ผลิตสินค้าต่าง ๆ คาดว่าจะเริ่มเห็นธุรกิจของ GTH เข้ามาผลักดันผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป
วานนี้ คณะกรรมการ NRF อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้น 100% ของ GTH มูลค่า 128.4 ล้านบาท โดยจะออกหุ้นสามัญของ NRF 15,600,000 หุ้น (Share swap) ในราคาหุ้นละ 8.23 บาท เพื่อชำระค่าซื้อกิจการ
ทั้งนี้ GTH ประกอบธุรกิจกัญชงครบวงจร อาทิ การนำเข้าเมล็ดกัญชงสายพันธ์ที่มีคุณภาพ พัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมรสชาติกัญชงภายใต้แบรนด์ของ GTH เช่น Kinchakan, TOM, และช่อผกา อีกทั้งบริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ Dentiste Smooth E เซียงเพียวอิ๊ว เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจกัญชงในประเทศไทย
นายแดน กล่าวอีกว่า ในปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อนมีรายได้กว่า 1.6 พันล้านบาท เนื่องจากกลุ่มสินค้าอื่นที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม Plant-based food ที่คาดว่าสัดส่วนรายได้ในปี 64 จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาที่ 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 8% ตอบรับกระแสความนิยมบริโภคทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย และรายได้จากการขายสินค้าของบริษทผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Commerce) ของ Amazon ยังสร้างรายได้เข้ามาได้ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีการศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งรูปแบบการร่วมทุนและการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อทำให้บริษัทสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสินค้าหลากหลาย และนำสินค้าต่างๆ มาพัฒนาต่อยอดได้ ซึ่งบริษัทจะยังคงใช้กลยุทธ์การสร้างยอดขายที่ควบคู่ไปกับช่องทางออนไลน์ที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมากจากพฤติกรรมของคนในยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการรักษาสถานะทางเงินของบริษัท ยังคงเน้นการบริหารสภาพคล่อง การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย และการบริหารจัดการหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเข้าลงทุนใหม่ๆที่บริษัทอาจจะต้องมีการกู้ยืมเงินมาเพื่อลงทุนบ้าน แต่บริษัทมีนโยบายควบคุมอัตรส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ไม่เกิน 1 เท่า แม้ว่าในปัจจุบันบริษัทยังไม่มีหนี้สินระยะยาวก็ตาม