"ทริส"คงเครดิตใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหุ้นกู้แปลงสภาพของ BCP

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 4, 2007 08:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

            บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตสำหรับใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 4,000 ล้านบาท (BCP141A)  ของ บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP) ซึ่งออกโดย บริษัท สยามดีอาร์ จำกัด ที่ระดับ "AA"  ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" 
อันดับเครดิตสะท้อนถึงปัจจัยสนับสนุนในรูปของการรับประกันต้นเงินโดยกระทรวงการคลังในการซื้อคืนใบแสดงสิทธิในราคาที่เสนอขายครั้งแรกหากบริษัทบางจากปิโตรเลียมไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ตลอดจนลักษณะของโครงสร้างธุรกรรมที่คุ้มครองผู้ถือใบแสดงสิทธิ และความน่าเชื่อถือของบริษัทอ้างอิง
ทั้งนี้ จากรายงานของทริสเรทติ้งระบุว่า คุณภาพอันดับเครดิตของบริษัทบางจากปิโตรเลียมนั้นมีผลมาจากการได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และความคืบหน้าของโครงการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบเหล่านี้ถูกลดทอนลงบางส่วนจากข้อจำกัดของสถานะโรงกลั่นน้ำมันที่มีอยู่ในปัจจุบันของบริษัท ตลอดจนความผันผวนที่ค่อนข้างสูงของราคาน้ำมันและค่าการกลั่น (Gross Refining Margin) นอกจากนี้ ในการให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นและอุปสงค์ของน้ำมันที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" ของใบแสดงสิทธิดังกล่าวเป็นผลมาจากการรับประกันต้นเงินจากกระทรวงการคลังและคุณภาพเครดิตของบริษัทบางจากปิโตรเลียม อันดับเครดิตของใบแสดงสิทธิดังกล่าวอาจได้รับการทบทวนหากคุณภาพเครดิตของบริษัทบางจากปิโตรเลียมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทริสเรทติ้ง กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทบางจากปิโตรเลียมในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ปรับตัวดีขึ้นจากผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงในปี 2549 อัตราการใช้กำลังการกลั่นของโรงกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 53% โดยมีค่าการกลั่นรวมอยู่ที่ 4.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ในขณะที่ผลการดำเนินงานในส่วนของการตลาดก็เป็นที่น่าพอใจโดยมีค่าการตลาดรวมอยู่ที่ 0.35 บาทต่อลิตร จากผลดังกล่าวทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3.14% โครงสร้างเงินทุนของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการเพิ่มทุนสำหรับก่อสร้างหน่วยแตกโมเลกุล (Hydrocracking Unit) แห่งใหม่ โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 อยู่ที่ 40.6% และปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 38.8% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2550 และภายใต้แผนการเงินที่ค่อนข้างเข้มงวดโดยมีสัดส่วนของเงินกู้อยู่ที่ 56%
สำหรับโครงการหน่วยแตกโมเลกุล (จากมูลค่าการลงทุนรวม 378 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คาดว่าจะทำให้อัตราการก่อหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงการก่อสร้าง ซึ่งหน่วยแตกโมเลกุลนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโรงกลั่นและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นให้แก่บริษัท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ