แหล่งข่าวจาก บล.บัวหลวงในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของธนาคารกรุงเทพ(BBL)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีดีลการขายหุ้นธนาคารสินเอเชีย(ACL) ที่ยังเนื้อหอม ICBC แบงก์ใหญ่จากจีนและ CIMB จากมาเลเซียสนใจซื้อ โดยคาดได้รับการยืนยันรายละเอียดของข้อเสนอจากทั้งสองรายภายในเดือนก.ย.นี้ ก่อนส่งให้ BBL ตัดสินใจ พร้อมลุ้นทางการปลดล็อคสัดส่วนหุ้นต่างชาติ 25% เล็งใช้กรณี BAY-GE และ Novascotia-TBANK เป็นกรณีศึกษา
*ขณะนี้การเจรจากับผู้สนใจทั้งสองรายไปถึงขั้นไหน
"ขณะนี้กำลังรอ Confirm รายละเอียดของข้อเสนอที่เป็นทางการจากผู้ซื้อทั้งสองราย คือ ธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China(ICBC) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์จีนที่มีสินทรัพย์รวมเป็นอันดับหนึ่งในประเทศจีน และธนาคารซีไอเอ็มบี(CIMB Bank) จากประเทศมาเลเซีย
คาดว่าน่าจะได้ประมาณเดือนนี้(ก.ย.)ที่น่าจะมีการพิจารณาที่เป็น formaly ตอนนี้ทางฝั่งนักลงทุนยังไม่ได้ส่งตัวเลขที่ confirm มา ตอนนี้เราก็รอ confirm offer จากเขามา ถ้าเขาไม่ confirm offer เราก็ยังเลือกไม่ได้ พอเขาส่ง confirm offer มาปุ๊บ ผมก็ส่งเรื่องไปให้แบงก์กรุงเทพทำการเลือกว่าจะขายหุ้น ACL ให้กับรายใดได้ทันที"
*มีความเป็นไปได้ว่าจะขายหุ้น ACL ให้กับทางแบงก์มาเลเซียหรือจีน
"อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแบงก์กรุงเทพ ทางผมมีหน้าที่ในการหานักลงทุนที่สนใจลงทุน ส่วนแบงก์กรุงเทพจะเลือกใครก็เป็นเรื่องของเขา ซึ่งคิดว่าคงจะขึ้นกับเงื่อนไขที่ผู้ซื้อเสนอมา ไม่ว่าจะเรื่องราคา ทุกวันนี้ยังคุยกันอยู่ ยังไม่ได้มี final offer เข้ามาว่าจะต้องมีราคาเป็นเท่านี้เท่านั้น ก็เลยยังเลือกไม่ได้ ก็ต้องรอเวลาสักพักหนึ่ง รอให้ผู้ซื้อทั้งคู่เสนอเงื่อนไขที่ Confirm มาแล้ว ทางแบงก์กรุงเทพถึงจะทำการเลือก พอเลือกเสร็จค่อยดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป"
*ต่างชาติอยากถือหุ้น ACL มากกว่า 25% จะทำให้การขายหุ้นของ BBL ยืดเยื้อหรือไม่
"โจทก์ของเราก็คือจะต้องทำให้ได้ภายในสิ้นปีนี้(2550) ซึ่งแบงก์กรุงเทพถือหุ้น ACL อยู่ 19.3% เราก็อยากจะขายจำนวนนั้น ถ้าเขาอยากจะได้เพิ่มเติมก็จะต้องให้เขาไปคุยกับผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งเราก็จะเป็นผู้ประสานงานให้ แต่ว่าหน้าที่ของเราขาย 19.3% ให้จบภายในสิ้นปีนี้ แต่ถ้าเขาต้องการมากกว่านั้น เราก็อาจจะไปหาให้เขาเพิ่ม
เราก็ไปคุยในหลักการกับแบงก์ชาติมาแล้วหลายครั้ง ก็คุยในหลักการว่าเรามีนักลงทุนต่างชาติ 2 รายต้องการจะเข้ามาซื้อหุ้น ACL จากแบงก์กรุงเทพ 19.3% อาจจะบวกอีกส่วนหนึ่ง ตามกฎหมายจะต้องไปขอกระทรวงการคลังกับแบงก์ชาติให้ผ่อนผัน 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกกฎหมายกำหนดไว้ว่าห้ามรายใดรายหนึ่งถือเกิน 5% กฎหมายอันที่สองกำหนดไว้ว่าผู้ถือหุ้นต่างชาติรวมกันต้องไม่เกิน 1 ใน 4 คือ 25%
ปัจจุบันต่างชาติได้ถือหุ้น ACL อยู่ประมาณ 15% ถ้าเราจะขายต่างชาติอีก 19.3% มันก็จะเกิน 25% ก็จะต้องไปขอคลังกับแบงก์ชาติ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะต้องอนุญาตเหมือนกัน ต้องไปขอให้เขาปลดล็อคตรงนั้น ซึ่งก็แล้วแต่กรณี แล้วแต่วิจารณญาณของเขา แต่เท่าที่คุยในหลักการเขาก็บอกว่าจะรับไว้พิจารณา"
*มีกรณีศึกษาหรือไม่
"อย่างของ GE ถือหุ้น BAY ได้มากกว่า 30% เพราะ BAY มีผู้ถือหุ้นอื่นที่เป็นต่างชาติด้วย มันเลยเต็มเพดาน 49% แต่ของโนวาสโกเทียได้ถือหุ้นแบงก์ธนชาติได้แค่ 25% แต่จริง ๆ โนวาสฯ อยากถือหุ้น 49% เท่ากับ GE ถือหุ้น BAY แต่ตอนนี้เขาก็ยังทำไม่ได้เลย ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทำไมโนวาสฯไม่ได้เหมือน GE อยากรู้เหมือนกัน ซึ่งมันก็อาจจะมีผลต่อดีลขายหุ้น ACL เหมือนกัน
ทุกคนอยากได้หุ้นมากเหมือนกันหมด ถามว่า GE อยากได้เท่าไร เขาอยากได้ 100% แต่มันเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ GE ได้สูงสุด 49% ทุกคนอยากได้ 100% ส่วนได้เท่าไรก็ขึ้นอยู่กับคนให้(ทางการ) Issue ตอนนี้จึงอยู่ที่ว่าเขาจะให้เท่าไร เท่าที่คุยเขายังไม่ให้เลย ถ้าเขาให้ก็ต้องเป็น Public ไปแล้ว มันจะยืดเยื้อนานแค่ไหน ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็หวังว่าคงจะไม่นาน"
*เรื่องค่าปรับที่แบงก์ชาติจะปรับ BBL กรณีลดสัดส่วนถือหุ้น ACL ไม่ทันตามกำหนด
"แบงก์กรุงเทพเข้าใจว่าไม่ได้คำตอบในเรื่องการปรับกรณีไม่สามารถลดสัดส่วนการถือหุ้นใน ACL ได้ทันตามกำหนดมิ.ย.50 จากแบงก์ชาติ เพราะแบงก์กรุงเทพยังไม่ได้บอกทางเรามา ซึ่งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับแบงก์ชาติ แต่ไม่เป็นไรทางบล.บัวหลวงมีหน้าที่ขายเท่านั้นแหล่ะครับ จะปรับหรือไม่ปรับ ไม่ใช่เรื่องของเรา"
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--