นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าภาพรวมธุรกิจปีนี้ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยจะได้แรงหนุนจากธุรกิจอาหารที่ช่วยเพิ่มอัตรากำไร (Margin) ให้กับกลุ่มบริษัทฯ และธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักที่เป็นหัวใจสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดรายได้และสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อรักษาอัตราการทำกำไร และเพิ่มยอดขายในอนาคตให้มากขึ้น ถือเป็นการสอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้
สำหรับผลประกอบการในปี 63 แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลก รวมถึงผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ แต่ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ถือว่ายังเติบโตอยู่ในทิศทางบวก โดยบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 166.74 ล้านบาท ลดลง 122.33 ล้านบาท หรือ ลดลง 43.32% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 289.06 ล้านบาท รายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 11,877.81 ล้านบาท รายได้อื่นๆ เท่ากับ 194.36 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5.4%
"ภาพรวมธุรกิจปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับปี 62 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปรับราคาลงของ LPG ในเดือนมีนาคม ส่งผลให้มีภาระต้นทุนของสินค้าคงเหลือก่อนปรับราคา นอกจากนี้ในปี 62 บริษัทฯมีรายการพิเศษเป็นรายได้จากกำไรจากการขายที่ดินจำนวน 1 แปลงมูลค่า 103.37 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวก็ถือว่าบริษัทยังคงทำผลงานได้ดี และเติบโตในทิศทางบวก
และแม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีผลทำให้รายได้ลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ถือว่ายังคงทำได้ดี จากกลยุทธ์เพิ่มยอดขายไปในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงธุรกิจอาหารที่ช่วยเพิ่ม Margin ให้กับกลุ่มบริษัทฯในอนาคต"นางสาวชมกมล กล่าว
ณ สิ้นปี 63 บริษัทฯ ยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์จำนวน 6,271.33 ล้านบาท EBITDA 566.34 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/Ey) เท่ากับ 3.85 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest Bearing Debt/Equity) เท่ากับ 0.44 เท่า