SCB เตรียมปล่อยเงินกู้ 1.5 พันลบ.ให้ PACE ใช้ก่อสร้างโครงการนิมิตร หลังสวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 4, 2021 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมปล่อยวงเงินสินเชื่อให้กับบมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) วงเงิน 1.5 พันล้านบาท หลังจากศาลอนุญาตให้ธนาคารสามารถให้วงเงินสินเชื่อให้กับ PACE กู้ได้ โดยที่ PACE จะนำเงินกู้ดังกล่าวไปก่อสร้างโครงการนิมิต หลังสวน ให้แล้วเสร็จ ซึ่งปัจจุบันโครงการนิมิตหลังสวนได้ชะลอการก่อสร้างออกไป และหลังจากที่ธนาคารให้วงเงินสินเชื่อกับPACE แล้ว จะสามารถทำให้งานก่อสร้างกลับมาเดินหน้าได้และสามารถส่งมอบให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้มีลูกค้าจองซื้อไปทั้งหมดแล้ว ด้านธุรกิจร้าน Dean and Deluca ของ PACE หลังจากเข้าแผนฟื้นฟูในสหรัฐฯ หรือ Chapter 11 แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างของธุรกิจใหม่ และปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์แม้ว่าธุรกิจร้าน Dean and Deluca ในประเทศไทยและเอเชีย จะสามารถทำกำไรได้ แต่จากการแพร ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้ธุรกิจชะลอตัวไปบ้าง ซึ่งทางธนาคารและ PACE ต่างร่วมกันหาแนวทางในการปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์

สำหรับแนวโน้มคุณภาพหนี้ของลูกค้าธนาคารนั้น ปัจจุบันธนาคารยังคงติดตามแนวโน้มของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้า เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถกลับมาเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เมื่อใด แม้ว่าจะเริ่มมีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาฉีดแล้วก็ตาม โดยกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งธนาคารมีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมมากที่สุดในตลาด ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 15-20% ของตลาดรวมทั้งหมด หรือคิดเป็นวงเงินให้สินเชื่อกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมราว 8 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อรวมของธนาคารที่มีอยู่กว่า 2 ล้านล้านบาท โดยที่ธนาคารยังคงช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับลูกค้าดังกล่าวอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการมีมาตรการพักชำระหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ออกมาช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งขยายระยะเวลาไปถึงเดือนมิ.ย. 64 โดยที่มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรมเข้ามาตรการในสัดส่วน 90% ของทั้งหมด และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการ ธนาคารจะพิจารณาการช่วยเหลือให้กับลูกค้ากลุ่มโรงแรมตามความเหมาะสม "เรายังมองว่าการท่องเที่ยวยังไม่น่ากลับมาได้เร็วมากนัก เพราะความชัดเจนของการเปิดประเทศก็ยังไม่ออกมาแม้ว่าจะมีวัคซีนมาแล้ว ซึ่งอย่างเร็วที่เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ก็คงปลายปี หรืออย่างช้าตามที่เราทำ Stress Test ไว้ก็ไตรมาส 1-ไตรมาส 3 ปีหน้า ซึ่งธุรกิจโรงแรมถือว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะโรงแรมที่อิงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวในประเทศมากก็เริ่มมีอัตราการเข้าพักเพิ่มมาเป็น 30-40% ซึ่งยังทำไห้ธุรกิจเขาไปต่อได้ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องดูแลลูกค้าของเราต่อเนื่อง เพราะธุรกิจโรงแรมพื้นฐานยังดีอยู่แต่ปัจจัยโควิด-19 ทำให้ธุรกิจกระทบชั่วคราว และกลุ่มลูกค้าธุรกิจโรงแรมก็กู้ยืมในสัดส่วนที่น้อยเพียง 40% ของมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้ธนาคารไม่มีความกังวลในเรื่องผลกระทบการตั้งสำรองฯ"นายสารัชต์ กล่าว

สำหรับการเติบโตของสินเชื่อในปี 64 ที่ธนาคารตั้งเป้าไว้เติบโต 3-5% จะเน้นไปที่การเติบโตของกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งจะได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ทยอยออกมา และการที่ธุรกิจรายใหญ่มีโอกาสในการทำดีลซี้อกิจการ (M&A) ในปีนี้ ทำให้มีความต้องการใช้สินเชื่อที่สูงขึ้น และยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่อรายย่อยในบางกลุ่มที่สามารถเติบโตได้ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี่มองว่าจะมาจากปัจจัยผลักดันการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจขายประกัน หลังจากที่ปีก่อนธนาคารมีพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วม คือ FWD และธุรกิจของกลุ่มลูกค้า Wealth ที่ยังรายได้ค่าธรรมเนียมการเติบโตที่ดีราว 20% ต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากธนาคารเน้นการให้บริการแก่ลูกค้าในกลุ่มการลงทุนประเภท High Value ที่มีอัตราค่าธรรมเนียมสูงกว่า 0.5% ขึ้นไปในสัดส่วนที่มากส่งผลให้รายได้ที่มาจากกลุ่ม Wealth เติบโตได้ดีมาต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ