นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่าจะขายหุ้นให้กับบริษัทต่างชาติเพื่อออกจาก TKN ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องตามกระแสข่าวดังกล่าว และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและผู้บริหารใน TKN
"จริง ๆ ยังไม่มีอะไรอย่างที่ในข่าวขนาดนั้น ผมยังเป็นคนเถ้าแก่น้อยอยู่ เถ้าแก่น้อยยังเป็นของผมอยู่ ผมคงบอกชัดเจนได้เต็มที่ประมาณนี้"นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
นายอิทธิพัทธ กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจของ TKN ในปีนี้ยังมีความท้าทายในหลายเรื่อง โดยเฉพาะตลาดส่งออกที่ยังมีปัญหาเรื่องการขนส่ง โดยเฉพาะการส่งสินค้าไปยังตลาดจีน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ คาดว่ายังส่งผลกระทบต่อไปถึงไตรมาส 2/64 และน่าจะฟื้นไตรมาส 3/64
ขณะที่ดีมานด์ในหลายตลาดฟื้นตัวกลับมาแล้ว เห็นได้จากยอดส่งออกของ TKN ดีขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 รอบ 2 แต่ช่องทางอีคอมเมิร์ซยังช่วยหนุน ส่วนตลาดสหรัฐฯ คาดว่าจะดีขึ้นขึ้นในช่วงไตรมาส 2/64 จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน และตลาดในตะวันออกกลาง ทั้งบาห์เรนและซาอุดิอาระเบีย คาดว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมาก ส่วนตลาดจีน
ขณะที่ตลาดในประเทศแม้ว่าขณะนี้จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้วแต่ยังเป็นห่วงความไม่แน่นอนของการกระจายวัคซีนต้านโควิด และการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศว่าจะสามารถทำได้ในปีนี้หรือไม่ ทำให้คาดว่าตลาดในประเทศคงยังจะชะลอตัวใยช่วงไตรมาส 1-2/64
ดังนั้น ในปีนี้ตัวหลักในการขับเคลื่อนผลประกอบการจะมาจากการออกสินค้าใหม่มาวางตลาด ซึ่งบริษัทจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/64 โดยในกลุ่มสินค้าสาหร่ายจะออกสินค้าใหม่ทั้งเป็นแบรนด์ของตัวเอง และการร่วมมือกับแบรนด์อื่นที่มีความเข้มแข็งที่จะออกมา 3 รายการในช่วงครึ่งปีแรก
ขณะที่มีแผนออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Just Drink อีก 1 รสชาติ ในเดือน มิ.ย.64 โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 2 ล้านขวดต่อเดือนหลังจากสามารถกระจายสินค้าไปขายผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 ได้ครบ 12,000 สาขา ขณะเดียวกันก็มีแผนส่งออกไปขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV ด้วย
อีกทั้ง TKN จะร่วมมือกับพันธมิตรในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นสเน็คแพลนเบส คาดจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ รวมถึงยังมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชาแน่นอน แต่ยังต้องศึกษาเรื่องการซัพพลายวัตถุดิบว่าจะต้องมีเพียงพอรองรับการขยายตลาดได้
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตแตะ 5,000-5,200 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,999.27 ล้านบาท โดยจะมาจากยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกราว 2,000 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวทั้งตลาดภายในประเทศและการส่งออก อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์สินค้าในกลุ่ม Just Drink ที่จะเป็นตัวที่สร้างยอดขายทดแทนยอดขายสาหร่ายที่ปรับตัวลดลง ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นมาที่ 30% รับผลดีจากการรวมโรงงาน และอัตรากำไรสุทธิน่าจะอยู่ในระดับ 10%