นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 43,481.82 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8,733.03 ล้านบาท หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายมากขึ้น ส่งผลทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าฟื้นตัวดีขึ้น
ประกอบกับบริษัทยังสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล หรือโรงไฟฟ้าหยุนหลิน ในประเทศไต้หวัน กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป จากปัจจุบันมีความคืบหน้าในการการก่อสร้างแล้ว 65% และคาดโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะสามารถเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4/64 จากปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้ว 60%
อนึ่ง ธุรกิจท่อส่งน้ำมันดังกล่าว เป็นของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ซึ่ง EGCO ได้เข้าไปลงทุนโดยถือหุ้นในสัดส่วน 44.6%
"ในปี 64 คาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป และคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ลินเดน โคเจน สหรัฐอเมริกา, โครงการโรงไฟฟ้า หยุนหลิน ไต้หวัน ซึ่งจะเริ่มทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในไตรมาสที่ 2/64 และโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4/64" นายเทพรัตน์ กล่าว
บริษัทยังวางเป้ากำลังการผลิตปีนี้เพิ่มขึ้น 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุน 3-4 โครงการ โดยหนึ่งในนี้จะมีโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 972 เมกะวัตต์ในมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมอยู่ด้วย คาดว่าจะปิดดีลและรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 2/64 แต่ไม่นับรวมโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกวางจิ ประเทศเวียดนาม และโรงไฟฟ้า SPP โคเจน จ.ระยอง
ขณะเดียวกันการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในลักษณะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่มีทั้ง Conventional และ Renewable ที่ดำเนินการใน 7 ประเทศที่ EGCO ดำเนินการอยู่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ วางงบลงทุนไว้ที่ 37,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้งบลงทุนรวม 5 ปี (64-68)
บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี (64-68) ไว้ที่ 150,000 ล้านบาท โดยหลักยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา เช่น โรงไฟฟ้าพลังความร้อนกวางจิ ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 1,320 เมกะวัตต์ โดยจะ COD ในหน่วยที่ 1 ปี 68 และหน่วยที่ 2 ปี 69 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา (Green-field) และเจรจาสัญญาหลัก, โรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน จ.ระยอง กำลังการผลิต 100-110 เมกะวัตต์ กำหนด COD ในปี 67 ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำ EIA คาดว่าจะได้รับอนุมัติในไตรมาส 2/64 และเริ่มก่อสร้างได้ต้นปี 65
อีกทั้งก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจไฟฟ้า ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค เช่น โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการในไตรมาส 4/64, โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ลักษณะ Smart and Green Industrial Estate ซึ่งได้ลงนามสัญญาร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อเดือนม.ค.64 กำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปี 65, การยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Shipper) ปริมาณ 200,000 ตันต่อปี เพื่อนำมาใช้ในโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
ส่วนโครงการพัฒนาในธุรกิจ Smart Energy Solution ได้แก่ โครงการ Solar Solution Provider เพื่อให้บริการด้านผลิตภัณฑ์และระบบโซลาร์เซลล์ระดับพรีเมี่ยมอย่างครบวงจร โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์ และโครงการร่วมลงทุนระหว่างกลุ่ม กฟผ. ผ่านบริษัท EGAT Innovation Holding เพื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรมไฟฟ้าและธุรกิจ New S Curve
"กลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมุ่งขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจทั้งด้านการผลิตและให้บริการด้านพลังงานอย่างครบวงจร ได้แก่ ธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค และธุรกิจ Smart Energy Solution โดยดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ 4I ได้แก่ Invest ลงทุนในสินทรัพย์ที่เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว Improve ปรับปรุงและบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้มีความเป็นเลิศ Innovate ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ Increase เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการเงิน" นายเทพรัตน์ กล่าว