นายธนพร เตชวิวรรธน์ หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. แพลน บี มีเดีย (PLANB) เปิดเผยว่า ปีนี้คาดการณ์รายได้ปี 64 อยู่ที่ 5,000-5,400 ล้านบาท จากปีก่อนที่รายได้อยู่ที่ 3,724 ล้านบาท โดยจะมีรายได้มาจากธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย (Out Of Home : OOH) ราว 4,800 ล้านบาท โดยมาจากการเติบโตทุกสื่อโฆษณา สอดคล้องการขยายพื้นที่ให้บริการจอ LED Screen ใน 7-11 มากขึ้น ตามแผนในเฟสแรกซึ่งอยู่ระหว่างการติดตั้งอีก 500 แห่งคาดว่าจะแล้วเสร็จใน ไตรมาส 1/64 และเฟส 2 มีแผนขยายอีก 500-1,000 สาขาในครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้มีแผนกระจายไปตามหัวเมืองต่างๆ และในสถานีบริการน้ำมันปตท. อีกด้วย และรายได้อีกส่วนจะมาจาก Engagement Marketing ที่ตั้งเป้ายอดขาย 880 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิที่ 10-15% ตามการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น
ขณะที่รายได้จากการบริหารสิทธิทางการตลาดของกีฬาโอลิมปิก โตเกียวนั้น คาดว่า หากไม่มีการเลื่อนการจัดงานออกไปจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 500-600 ล้านบาทในแต่ละเดือนขึ้นกับกิจกรรมต่างๆ และน่าจะสร้างรายได้ได้เป็นไปตามเป้าหมาย
ด้านอัตราใช้สื่อโฆษณา (Utilization Rate) ในปีนี้เบื้องต้นตั้งไว้ที่ 60-65% นายธนพร กล่าวว่า แม้จะต่ำ แต่อาจปรับเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากอยากรอดูสถานการณ์ต่างๆ ให้มีความชัดเจนก่อน ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ วัคซีน การผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม เป็นต้น
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อโฆษณา อย่างในส่วนของบริษัทฯ ทำให้มีลูกค้าขอเลื่อนการใช้สื่อออกไปจากไตรมาส 1/64 ขยับไปเป็นไตรมาส 2 แทน
"ปกติไตรมาส 1/64 ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของบริษัทอยู่แล้ว"
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ต่อเนื่องเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) อย่างในปีที่ผ่านมาที่ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจ e-Marketing
ในส่วนงบลงทุนปีนี้คาดว่าใช้ราว 700-1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในส่วนการเพิ่มจอ LED Screen ใน 7-11 ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท และเป็นงบสำหรับการปรับปรุงรีโนเวทสื่อดิจิทัลอีกราว 380-400 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนหน้าจอ เปลี่ยนหลอดไฟ หลังจากได้ใช้งานมาแล้ว 5 ปี
สำหรับความคืบหน้าโครงการ Smart Bus shelter ที่ทำร่วมกับสำนักงานการจราจรและขนส่ง กทม.ใน ไตรมาส 4/63 มีการดำเนินการติดตั้งแล้ว 115 ศาลา ส่วนอีก 235 ศาลาจะสามารถติดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64 ทั้งนี้ Smart Bus shelter ที่เหลืออีก 341 แห่งจะได้รับการปรับปรุงใหม่ภายในครึ่งปีแรกของปี 64