นางสาววราลักษณ์ งามจิตรเจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.บริษัทได้ลงนามทำสัญญาข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ในการพัฒนา และก่อสร้างโรงเรือนปลูกพืชกัญชาและกัญชง กับ บริษัท ทีเอสซีจี กรุ๊ป จำกัด โดยบริษัทรับหน้าที่ในการรับสร้างโรงเรือนให้กับทีเอสซีจี กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญหาจากภาครัฐ ภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูก และแปรรูปบุกเกษตรอินทรีย์บ้านทุ่มแพม ซึ่งถือเป็นวิสาหกิจชุมชนขนาดใหญ่
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่จะช่วยสนับสนุนและต่อยอดธุรกิจเหล็กโครงสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี
"ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโครงการที่น่าสนใจ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯได้อย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันพืชชนิดนี้ถือเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่ได้รับการอนุญาตให้ปลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ความต้องการพืชกัญชงและกัญชามีมากขึ้นอย่างชัดเจนจากการสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ จนทำให้การเพาะปลูกพืชไม่ทันกับความต้องการใช้ของอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันกระบวนการปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามนโยบายกัญชาทางการแพทย์จะต้องปลูกภายใต้โรงเรือนที่เหมาะสม ดังนั้น ทาง ZIGA จึงตัดสินใจเข้าไปร่วมในโครงการดังกล่าว และคาดหวังว่าเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิม สร้างรายได้เพิ่มสนับสนุนเติบโตอย่างก้าวกระโดด"นางสาววราลักษณ์ กล่าว
บริษัทคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนของการก่อสร้างโรงเรือนในโครงการดังกล่าว โดยภายหลังจากที่ทำการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับทางทีเอสซีจีเป็นที่เรียบร้อยขั้นตอนต่อไป จะต้องรอให้ทางทีเอสซีจีและวิสาหกิจชุมชนเลือกพื้นที่ในการก่อสร้างโรงเรือน และคาดว่าในการก่อสร้างจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่นานเพื่อให้ทันต่อความต้องการ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ ZIGA รวมถึงวัตถุดิบหลักอย่างเหล็กกัลวาไนซ์ของทาง ZIGA ซึ่งถือเป็นเหล็กที่เหมาะกับการสร้างเป็นโรงเรือนให้กับพืชเศรษฐกิจชนิดนี้ สามารถสร้างโรงเรือนได้อย่างรวดเร็วและมีความคุ้มค่าในระยะยาว
ขณะเดียวกัน มองว่ายังมีโอกาสที่จะขยายช่องทางในธุรกิจรับสร้างโรงเรือนในอนาคตได้อีก โดยหากความร่วมมือในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถต่อยอดในการขยายช่องทางไปสู่การก่อสร้างโรงเรือนในรูปแบบอื่น ๆ ได้อีก
ด้าน ผศ.ภูธดา คุนผลิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสซีจี กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูก และแปรรูปบุกเกษตรอินทรีย์บ้านทุ่มแพม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตปลูกกัญชงและกัญชา โดยบริษัทมีโควตารับซื้อจากองค์กรเภสัชกรรมแห่งประเทศไทย และคาดว่าจะมีพื้นที่ในการเพาะปลูกจากการรวมกลุ่มร่วมกับวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ มากกว่า 4,000 ไร่