นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผุ้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 64 ว่า บริษัทตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตอยู่ที่ 10-15% เนื่องจากเห็นโอกาสเติบโตในอุตสาหกรรมน้ำมันภาพรวมต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้โต 8-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 4,959 ล้านบาท และปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG คาดโต 15-20% หรือคิดเป็น 97,000 ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 87,000 ตัน
บริษัทมีแผนขยายสาขาทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (นอนออยล์) ปีนี้รวมเป็น 3,160 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสาขารวมทั้งหมด 2,850 สาขา และสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มขึ้นจาก 206 สาขา เป็น 260 สาขา รวมถึงขยายศูนย์บริการรวม (Touchpoint) ในธุรกิจนอนออยล์ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท (Max Mart) และศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ออโต้แบคส์ (Autobacs) และอื่นๆ รวมเป็น 870 สาขา จากเดิม 756 สาขา ซึ่งหลักๆ จะเป็นการขยายสาขาของร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
นายพิทักษ์ กล่าวว่า งบลงทุนในปีนี้กว่า 4,000-4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท, ธุรกิจนอนออยล์ 500 ล้านบาท ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และที่เหลืออีก 500 ล้านบาท จะเป็นการลงทุนธุรกิจใหม่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าจากขยะ กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ รวมถึงรอประกาศจากหน่วยงานภาครัฐด้วย
รวมทั้งโครงการ Palm Complex เพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมด้านความงาม คาดจะออกสินค้าดังกล่าวได้ราว 4 รายการในปีนี้และปีหน้า และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะติดตั้งจำนวน 300 สาขาภายใน 4 ปี (64-68) จากที่ผ่านมาบริษัทได้เซ็น MOU ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) อีกทั้งยังมีแผนเข้าร่วมยื่นเสนองานโซลาร์ฟาร์มกองทัพบก 30 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวม 600 ล้านบาท จากทั้งหมดในเฟสแรก 300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนเดือนเม.ย.นี้
"ในปีนี้ บริษัทฯ มีเป้าเพิ่มที่จะเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันโต 8-12% จากการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG อีก 100-150 สาขา รวมถึงขยายการให้บริการธุรกิจแก๊ส LPG ครัวเรือน จากการเพิ่มสาขาการให้บริการ Gas Shop อีก 50 สาขา เนื่องจากมีแผนที่เพิ่มสัดส่วนการจำหน่าย LPG ครัวเรือนให้มีสัดส่วน 40-50% ของปริมาณการจำหน่าย LPG ทั้งหมด และในส่วนของธุรกิจ Non-Oil ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสาขา Non-Oil อีก 100-150 สาขา เพื่อให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท" นายพิทักษ์ กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวว่า บริษัทจะยังรักษาส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจน้ำมันเป็นอันดับ 2 ผ่านการจำหน่ายน้ำมันในทุกช่องทางในประเทศไทย, ธุรกิจ LPG โดยรวม คาดจะมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5.4% หรือคิดเป็นอันดับ 4 เช่นเดิม จากปีก่อนอยู่ที่ 2.7% เป็นอันดับ 4 แต่ในช่วง 5 ปี (63-67) ตั้งเป้าจะขยับอันมาเป็นอันดับ 3 หรือมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 16-17% โดยจะมีปริมาณการขายเพิ่มเป็น 1.84 แสนตันในปี 67 จากปีนี้คาดอยู่ที่ 97,000 ตัน
อย่างไรก็ตาม หากแยกเป็นสถานีบริการ LPG คาดว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ในปีนี้ และ LPG ครัวเรือนจะขึ้นมาเป็นอันดับ 4 จากเดิมอยู่ที่อันดับ 6
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนนำบริษัทย่อย บริษัท แอตลาส จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อระดมทุนมาใช้ขยายธุรกิจ LPG ให้เติบโตมากขึ้น
ขณะที่ธุรกิจนอนออยล์ โดยเฉพาะร้านกาแฟพันธุ์ไทย วางเป้าหมายภายใน 5 ปี (64-68) จะมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 จากปัจจุบันอยู่อันดับ 3 ผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจะมีสาขาเพิ่มเป็น 2,000 สาขาภายในปี 68 จากปัจจุบันมีสาขา 274 สาขา และคาดจะมีสัดส่วนร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่ PTG ดูแลเองลดลงมาอยู่ที่ 30% และแฟรนไชส์จะเพิ่มเป็น 70% จากเดิมอยู่ที่ 80:20 โดยการเติบโตจะมาจากร้านสาขาในสถานีบริการน้ำมันฯ 70%, นอกสถานีบริการน้ำมันฯ 30% ได้แก่ โรงพยาบาล, สนามบิน, ออฟฟิศ, มหาวิทยาลัย และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น อีกทั้งยังมองโอกาสในการขยายสาขาไปในกลุ่มประเทศ CLMV ด้วย คาดจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 66
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเตรียมออกสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชง เช่น กาแฟ ชา เป็นต้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ไม่เกินไตรมาส 3/64
นายพิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในช่วงไตรมาส 1/64 ปัจจุบันสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าจะเติบโต 8-12% แล้ว ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเฉลี่ยกว่า 500 ล้านลิตร เป็นไปตามดีมานด์ที่ฟื้นตัวขึ้น, การทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ฐานสมาชิกบัตร PT Max Card เพิ่มขึ้น โดยวางเป้าปีนี้จะเพิ่มเป็น 18 ล้านสมาชิก จากปีก่อน 14.8 ล้านสมาชิก