นายบุญ ชุน เกียรติ บมจ.ชีวาทัย (CHEWA) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่มีที่ดินรอการพัฒนา หรือมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว เพื่อร่วมทุนในการดำเนินธุรกิจกับบริษัท โดยอยู่ระหว่างการพูดคุยรายละเอียดกับพันธมิตรที่สนใจ ซึ่งบริษัทยังคงเปิดกว้างในการเจรจากับพันธมิตรรายอื่น ๆ ด้วย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/64
การร่วมทุนกับพันธมิตรนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อมาต่อยอดในการพัฒนาโครงการ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังไม่มีที่ดินเปล่ารองรับการพัฒนาโครงการให่ หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาโครงการบนที่ดินในมือไปครบแล้ว และปีนี้ยังอยู่ระหว่างการมองหาซื้อที่ดินเปล่าแห่งใหม่ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป โดยมองไว้ 3 แปลงรองรับ 3 โครงการใหม่ที่มีมูลค่าโครงการรวม 2.83 พันล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม Low Rise 2 โครงการ และแนวราบ 1 โครงการ ซึ่งจะใช้งบลงทุนซื้อที่ดิน 1.35 พันล้านบาท
สำหรับในปี 64 บริษัทจะพัฒนาและขายโครงการใหม่ที่เป็นส่วนต่อขยายจากโครงการเดิม คือ ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 เฟส 2 มูลค่า 900 ล้านบาท และยังคงเน้นการระบายสต็อกที่มีอยู่กว่า 3.5 พันล้านบาทให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทยอยโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จในปี 64 เพื่อสร้างรายได้กลับมาให้เร็วที่สุด ซึ่งในปีนี้จะมีการโอนโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ มูลค่า 1 พันล้านบาท และ ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 เฟส 1 มูลค่า 1.1 พันล้านบาท เตรียมทยอยโอนปลายเดือนมี.ค.นี้
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามา 1.61 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มี 2.17 พันล้านบาท
นายบุญ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะยังเห็นการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดที่ยังคงออกโปรโมชั่นและลดราคาขายเพื่อระบายสต็อกและดึงดูดกำลังซื้อให้เข้ามาได้มากที่สุด เพื่อหวังจะสร้างรายได้เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมมีการแข่งขันอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการลดราคาขายโครงการ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในสต็อกนั้นอาจจะเห็นแนวโน้มการลดราคาน้อยลงหลังจากผ่านไตรมาส 2/64 ไปแล้ว และราคาขายจะค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากตลาดเริ่มฟื้นกลับมาและมีลูกค้าชาวต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อได้ และมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะกลับมาดีขึ้นได้อีกครั้งในปี 65 เป็นต้นไป เพราะยังมีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมอีกมาก เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ และสามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก แต่จากปัจจุบันที่ภาวะเศษฐกิจชะลอตัว ซัพพลายในตลาดที่มีอยู่มาก การควบคุมจากมาตรการ LTV กำลังซื้อที่ชะลอตัว และพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของคนที่เปลี่ยนไปชั่วคราว ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัวลงมาค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปีหน้า
ทั้งนี้ สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญนอกเหนือจากการหาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจแล้ว คือการใส่ใจและดูแลเรื่องคุณภาพให้กับลูกค้ายังคงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแลด้านคุณภาพและบริการ รวมถึงการรักษามาตรการ Zero Defect เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากที่สุด และคาดหวังในการก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการภายใน 2 ปีสำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มียอดขายน้อยกว่า 5 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีแคมเปญครบรอบ 13 ปี ลุ้นฟรี 13 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค. 64 เพื่อมอบความพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทที่ร่วมรายการ