นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.เค.เอส.เทคโนโลยี (TKS) กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 64 ว่า บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้จะกลับไปใกล้เคียงหรือดีกว่าเมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 2,496.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 409.8 ล้านบาท สาเหตุหลักเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรทำให้บริษัทมีการบริหารงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสเข้าร่วมประมูลงานเกี่ยวเนื่อง Printing ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอการทยอยส่งมอบ (Backlog) แล้วกว่า 70% ของเป้าหมายยอดขายรวมปี 64 แล้ว ซึ่งรอบการรับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือน ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะดีกว่าปี 63
ส่วนการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และขยายตัวเป็นวงกว้างในตอนนี้นั้น มองว่าอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสที่จะได้งานใหม่ต้องล่าช้าหรือเลื่อนกำหนดออกไปบ้างในระยะสั้น แต่ยังยืนยันว่าทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/64 ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
ขณะเดียวกันบริษัทก็จะมุ่งเน้นการทำตลาดของธุรกิจลาเบล (Label) และแพ็คเกจจิ้งให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก โดยเฉพาะแพคเกจจิ้ง เป็นเทรนด์ที่มีความต้องการใช้งานสูง พร้อมกันนี้บริษัทยังพิจารณาที่จะทำคลังสินค้า โดยบริษัทมีฐานลูกค้าบ้างแล้วในกลุ่ม B2B และเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทอีกทางในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับแผนงานและจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัทในเดือน ก.พ.64
นอกจากนี้ คาดว่าการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนดีกว่าปีก่อน จากการถือหุ้นใน บมจ.ทีบีเอสพี (TBSP) ในสัดส่วน 97.14% โดยแนวโน้มผลงานของ TBSP ในปี 64 นี้ คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปี 63 จากการรับงานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม รวมถึงสามารถรับงานผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้ อย่างเช่น งานพิมพ์สมาร์ทลาเบล ที่ทำให้กับลูกค้าต่างประเทศที่บวกเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้าไปด้วย เป็นต้น
ส่วน บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) ที่บริษัทถือหุ้น 38.51% ในปี 63 เป็นปีที่ท้าทาย แต่ SYNEX ก็สามารถผลักดันกำไรให้เติบโตขึ้น จากการบริหารจัดการ Product Mix ที่หลากหลาย ครอบคลุมแบรนด์ชั้นนำในตลาด โดยงบปี 63 กำไรเพิ่มขึ้นถึง 22.53% อยู่ที่ 642 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลงจากปีก่อนหน้ามาที่ 32,149 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเน้นทำกำไรให้ดีขึ้น ท่ามกลางความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มสูงขึ้น การแข่งขันลดลง แนวโน้มปี 64 ประเมินตลาดไอทีจะกลับมาเติบโตอย่างเต็มที่ หลังปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบในแง่สินค้าขาดตลาด รับวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสินค้าเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น