นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่มีรายได้ 5,047.31 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ากลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะมีผลผลิตไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 385 ล้านหน่วย และเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และสร้างธุรกิจใหม่ๆ
ในปีนี้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เฟสแรก 300 เมกะวัตต์ได้ในช่วงไตรมาส 3/64 ส่วนที่เหลืออีก 200 เมกะวัตต์ คาดจะเริ่ม COD ได้ในปี 65
หลังจากโครงการในพื้นที่ EEC ก่อสร้างแล้วเสร็จทุกเฟส และ COD ได้ครบ 500 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้ในส่วนดังกล่าวให้กับบริษัทราวปีละ 2,500 ล้านบาท และจะเป็นส่วนสำคัญในการเข้ามาชดเชยรายได้จาก Adder ในระดับสูงจากโครงการเดิมที่หายไป
สำหรับความคืบหน้าของโครงการในญี่ปุ่น Ukujima Mega Solar กำลังการผลิต 480 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก 8 ราย ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 17.92% มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท และเป็นเงินลงทุนของ SPCG มูลค่าราว 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 66 และจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 67 ซึ่งจะสามารถรับถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลา 12 ปี
นายพิพัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่จะมีโครงการเดิมที่ได้รับ Adder ในระดับสูงเริ่มทยอยหมดอายุสัญญาขายไฟฟ้าในปีนี้ต่อเนื่องถึงปี 67 จะประกอบด้วย 35 โครงการ แบ่งเป็นปีนี้ 4 โครงการ ปี 65 อีก 4 โครงการ ปี 66 รวม 14 โครงการ และปี 67 อีก 13 โครงการ แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท แม้ Adder เดิมจะหมดไปแต่บริษัทยังคงผลิตไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามปกติ ในขณะเดียวกันจะมีโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมต่อเนื่องด้วย