ราคาหุ้น ORI ปรับตัวขึ้น 3.80% หรือ 0.30 บาท มาที่ 8.20 บาท เมื่อเวลา 10.26 น.จากราคาเปิด 8.15 บาท ราคาสูงสุด 8.20 บาท ราคาต่ำสุด 8.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 85.97 ล้านบาท
บล.เคทีบีเอสที มีมุมมองเป็นบวกจาก บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) แถลงข่าวเปิดตัวธุรกิจใหม่เพิ่มอีก 2 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare) และ ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC) โดย ORI เป็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีแผนการกระจายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นอย่างเด่นชัดที่สุดเทียบกับคู่แข่ง
ORI ตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การขายอสังหาฯ คิดเป็น 30% ในอีก 5 ปีข้างหน้า (จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 10%) ซึ่งเราชอบแผนธุรกิจนี้ เพราะ 1) เป็นการกระจายความเสี่ยงจากเดิมที่รายได้ต้องพึ่งพากับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว ทำให้กำไรลดลงมากช่วงเศรษฐกิจไม่ดี และ 2) ธุรกิจใหม่เป็นธุรกิจที่สร้างรายไประจำทุกปี (recurring income) และเป็นธุรกิจที่ดีที่ยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของบริษัท
ธุรกิจ Healthcare: ประเมินว่าจะเป็นธุรกิจที่ดีในระยะยาว เนื่องจากจะมีธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต ปัจจุบันมูลค่าธุรกิจ wellness ประมาณ 6 แสนล้านบาท และมี CAGR +8% ต่อปี และไทยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในเอเชียที่ 38% รวมทั้งในปี 2021 ประเทศไทยจะเป็นปีแรกที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ โดยจะมีผู้สูงอายุคิดเป็น 20% ขอจำนวนประชากร ทำให้เป็นโอกาสที่ ORI จะเข้าสู่ธุรกิจนี้ ซึ่งมีจุดแข็งจากการมีฐานลูกค้าในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมาก
ธุรกิจ AMC มองเป็นธุรกิจที่จะสร้างกำไรได้ดีในระยะยาว โดย ORI จะใช้จุดแข็งจากการที่มีฐานข้อมูลลูกค้าและความเชี่ยวชาญในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มีโอกาสขายทรัพย์ได้ในราคาที่ดีหรือสามารถนำมาปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์ให้มีความทันสมัยตรงตามความต้องการของลูกค้าทำให้มีโอกาสขายได้ในราคาที่ดี ทั้งนี้ เราประเมินธุรกิจ AMC ช่วงแรกในปี 2565 จะสร้างกำไรได้ราว 40-60 ล้านบาท และจะดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท อิง 2564 PER ที่ 7.9 เท่า (5-yr average PER) ขณะที่ยังเลือก ORI เป็นหุ้น top pick ในกลุ่ม property เนื่องจากเราประเมินกำไรปกติปี 2564 ที่ 3.2 พันล้านบาท จะเติบโต +29% YoY ดีกว่ากลุ่ม โดยมีจุดเด่นจากคอนโดใหม่ที่จะมีการโอนปีนี้อย่างต่อเนื่องและมี backlog สูง ในขณะที่ธุรกิจใหม่จะช่วยเพิ่มกำไรให้กับประมาณการของเราอย่างชัดเจนตั้งแต่ 2565 เป็นต้นไป