นายเฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นขอในอนุญาตจัดตั้งศูนย์บำบัดรักษาด้วยกัญชาในโรงพยาบาลในเครือ แม้ว่าบริษัทฯ จะมีความพร้อมในการเปิดให้บริการ แต่เนื่องจากเครือโรงพยาบาลของบริษัทได้รับอนุญาตในการรักษาตามแบบแพทย์ตะวันตก ซึ่งการรักษาด้วยกัญชานั้นจะเป็นการรักษาตามแบบแพทย์แผนไทย ทำให้ต้องมีการยื่นขอใบอนุญาต และต้องมีการฝึกอบรมแพทย์ในการบำบัดรักษาด้วยกัญชา รวมถึงการมีแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตในการบำบัดรักษาด้วยกัญชาเข้ามาด้วย โดยคาดว่าศูนย์ศูนย์บำบัดรักษาด้วยกัญชาของโรงพยาบาลในเครือจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในช่วงปลายปี 64
ส่วนความคืบหน้าในการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 มาให้บริการกับกลุ่มลูกค้าของโรงพยาบาลในเครือนั้น ยังคงต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่ภาครัฐอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้ามาวัคซีนโควิด-19 เข้ามาให้บริการได้ โดยที่เฟสแรกที่ภาครัฐอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าได้นั้นจะอยู่ในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. 64 และเฟสที่ 2 ในช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค. 64 ซึ่งบริษัทได้จัดตั้งบริษัทนำเข้าวัคซีนโควิด-19 มาเรียบร้อยแล้ว และได้ติดต่อสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 จากยุโรปที่บริษัทมองว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีนจากผู้ผลิตที่หลายๆประเทศใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยที่คาดว่าโอกาสในการนำเข้าและเริ่มให้บริการวัคซีนโควิด-19 กับลูกค้าของโรงพยาบาลในเครือได้ในช่วงกลางปี 64
โดยที่ปัจจัยจากการให้บริการเกี่ยวกับการตรวจ การกักตัว และการให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 จะยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนต่อรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้มาต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการใช้บริการของผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น สามารถชดเชยการลดลงของอัตราการใช้บริการผู้ป่วยในได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่รุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ที่เข้ามาตรวจโควิด-19 ทั้งเดือนม.ค. 64 สูงถึง 100,000 คน ทำให้รายได้จากการให้บริการตรวจโควิด-19 จะยังเป็นปัจจัยที่หนุนรายได้ในไตรมาส 1/64 ให้เติบโตขึ้นได้
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเดินหน้าขอโควตารับฐานลูกค้าประกันสังคมในเครือโรงพยาบาลของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยที่อยู่ระหว่างการยื่นขอเพิ่มจำนวนรับคนไข้ประกันสังคมในปีนี้เพิ่มอีกมากกว่า 10,000 ราย/โรงพยาบาลในเครือ โดยวางเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าประกันสังคมในปี 64 เป็นกว่า 900,000 ราย จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าโรงพยาบาลในเครือทั้งหมดรวมกว่า 880,000 แสนรายแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ ยังมีปัจจัยสนับสนุนรายได้เข้ามาเสริม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 2 แห่งเข้ามาเพิ่มในปีนี้ ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี ที่เปิดให้บริการไปแล้วในช่วงเดือนม.ค. 64 จำนวน 115 เตียง และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องมือทางการแพทย์ และจะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงเดือนมิ.ย. 64 ในเฟสแรก จำนวน 110 เตียง ทำให้บริษัทเริ่มมีรายได้จากโรงพยาบาลใหม่เข้ามา และมั่นใจว่ารายได้ในปี 64 จะสามารถเติบโตได้ในตัวเลขสองหลัก
ส่วนความคืบหน้าในการศึกษาลงทุนศูนย์มะเร็งนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน คาดว่าจะมีความชัดเจนในการลงทุนออกมาในช่วงไตรมาส 3/64 และหลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างศูนย์มะเร็งได้ภายในปี 65