นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 25-30% จากปีก่อน โดยมีกลยุทธ์การขยายตลาดที่มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าที่ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะตลาดในประเทศและประเทศฟิลิปปินส์ผ่านการออกสินค้าใหม่ที่เน้นนวัตกรรมและตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและดูแลสุขภาพ ด้วยการเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ "NAMU LIFE MIRACLE WHIITE" ทีช่วยให้ผิวสวย กระจ่างใส ลดเลือนฝ้า กระจุดด่างดำ ภายใน 7 วันและกลุ่มผลิตภัณฑ์ SNAILWHITE ที่เน้นนวัตกรรมเพื่อผิวสุขภาพดี
นอกจากนี้ยังมีการปรับกลยุทธ์การสื่อสารโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ การแต่งตั้งและร่วมมือกับผู้นำด้านการกระจายสินค้า DKSH ที่มีเครือข่ายการกระจายสินค้าครอบคลุมและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน การเพิ่มช่องทางการขายผ่าน Social Media และ Telesales
ขณะที่บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ภายในระยะเวลา 5 ปี (64-68) จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศฟิลิปปินส์ ที่บริษัทมีการขยายตัวค่อนข้างดี ซึ่งคาดว่าในปี 68 จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 500 ล้านบาท จากปี 63 ที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ 170 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังคงมองหาการเข้าซื้อกิจการ เพื่อที่จะเข้ามาขยายกลุ่มสินค้าใหม่ๆ อาทิ กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ กลุ่มสินค้าที่มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีการเจรจาอยู่หลายราย
ในขณะเดียวกันบริษัทจะเน้นการขยายตลาดไปยังตลาด Online มากยิ่งขึ้นจากที่ผ่านมามีการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบ Online แต่มูลค่ายังไม่มากนัก โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบ Online เพื่อที่จะร่วมมือในการขยายตลาดกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น
"ช่องทางออนไลน์ มีขายแต่ยังน้อยมาก ซึ่งเราพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญ เพื่อขยายช่องทางนี้ เราจะเน้นการทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อที่จะให้ลูกค้าเข้าใจ และรู้มากขึ้นว่าสินค้าดี ดีอย่างไร ที่ผ่านมามีคนรู้จักเราเยอะ แต่ไม่ได้พูด ถึงข้อมูลตอนนี้อยากจะพูดให้ลูกค้าได้รู้มากยิ่งขึ้นว่าสินค้าดีอย่างไร"นางสาวนันทวรรณ กล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพภายในกลุ่ม โดยบริษัทเตรียมที่จะควบรวมคลังสินค้าให้เหลือเพียง 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ถนนศรีนครินทร์ จากเดิมมีคลังสินค้าอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงราว 7-8% คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/64 และบริษัทยังได้เตรียมงบลงทุนราว 40 ล้านบาทเพื่อที่จะใช้ในการลงทุนระบบ ERP
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะเข้ามารับงานรับจ้างผลิต (OEM) เพื่อที่จะเข้าเพิ่มการใช้กำลังการผลิตให้มากขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระทบนักท่องเที่ยวและทำให้กำลังการผลิตหายไปเหลือเพียง 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จาก OEM ปีนี้ที่ 50 ล้านบาท
นางสาวนันทวรรณ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา และกัญชง ว่า ที่ผ่านมาบริษัทศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ซึ่งปัจจุบันก็มีความชัดเจนออกมาจากภาครัฐบาลแล้วว่าให้สามารถมีทำได้ บริษัทจึงคาดว่าจะได้ข้อสรุปของการลงทุน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาได้ในช่วงปลายปีนี้