โดยในปีนี้กรอบลงทุนซื้อคอนเท้นท์ประมาณ 800-1,000 ล้านบาทจากปีก่อนที่ใช้งบลงทุนสูงถึง 2,000 ล้านบาท จากปกติใช้ 1,000-1,200 ล้านบาท
"คาดว่าในปีนี้ ธุรกิจคอนเท้นท์ก็ยังมีโอกาสเติบโตค่อนข้างดี โดยผลประกอบการของบริษัทฯในปีนี้จะเห็นการเติบโตรายได้ 10-15% จากแบ็คล็อกที่มีเกือบ 50%"
ส่วนรายได้จากธุรกิจ Consumer Product คาดปีนี้มียอดขาย 550 ล้านบาท โดยมี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Health and Beauty เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม น้ำหอม เป็นต้น คาดเริ่มออกจำหน่ายได้ในเดือนเม.ย.นี้ซึ่งคาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 60-70% โดยคาดยอดขายปีนี้ 450 ล้านบาท และกลุ่มน้ำดื่ม ได้แก่น้ำดื่มสมุนไพร น้ำดื่มผสมวิตามิน จะเข้าช่องทาง Modern Trade เริ่มจำหน่ายประมาณ 19 เม.ย.นี้ คาดยอดขายปีนี้ที่ 100 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่ารายได้ในส่วนนี้จะเริ่มเข้ามาในไตรมาส 2/64
และในปลายปี 63 บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงด้วยกับ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เบื้องต้นคาดว่าจะขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ในไตรมาสที่ 4/64 ซึ่งก็ต้องรอดูความชัดเจนของกฎหมายที่จะอนุญาตให้ดำเนินการได้
นอกจากนี้ JKN ได้จับมือกับช่องNew 18 ที่เป็นช่องทีวีดิจิทัลเพื่อเข้าไปเช่าเวลาและนำคอนเท้นท์ของ JKN เข้าไปออกอากาศ ซึ่งมองว่าจะสามารถหารายได้จากโฆษณาได้ซึ่งขายสินค้าของบริษัทเองด้วย หรือขายเวลาโดยตรง
นายธีรภัทร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ว่า ทางคณะกรรมการบริษัทและทีมบริหาร ได้เห็นข้อมูลแล้ว เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อหาทางแก้ไข เบื้องต้นได้รับการติดต่อจากตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้แจ้งวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง ว่าสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยภายในคณะกรรมการบริหาร เพื่อดำเนินการตามที่ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ก็ให้ชี้แจงข่าว และเบื้องต้นบริษัทยอมรับในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก