นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีแคป (BCAP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้า มูลค่าสินทรัพยสุทธิที่อยู่ภายใต้การบริหาร (AUM) ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 65-67) จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% AUM ขยายแตะ 1 แสนล้านบาท จากปี 64 คาดว่าเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน มาเป็น 6.2 หมื่นล้านบาท โดยเติบโตจากธุรกิจกองทุนรวม (Mutual Fund) ที่คาดจะระดมเงินได้ 5 พันล้านบาท รวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล
โดยในปี 63 ที่มี AUM 5.2 หมื่นล้านบาทเติบโตจากปีก่อน 4 หมื่นล้านบาท ที่เติบโตจากทุกธุรกิจ โดยส่วน Mutual Fund มีจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 95% เทียบกับ สิ้นปี 62 เทียบกับภาพรวมตลาดกองทุนรวมที่ลดลง 7% ถือว่าบลจ.บีแคป มีการเติบโตที่สวนทางกับภาพรวมอุตสาหกรรม กองทุนส่วนบุคคล 2.8 หมื่นล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 1.8 หมื่นล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีแคป กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดกองทุนใหม่ราว 10 กองทุนที่จะเน้นกองทุนลงทุนหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งบริษัทจะขยาย Selling Agent เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4-5 ราย จากปัจจุบันมีอยู่ 4 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) บล.บัวหลวง บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) และบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนฟินโนมีนา จำกัด (บลน.ฟินโนมีนา)
ด้านนายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บลจ.บีแคป ให้ความเห็นภาพรวมการลงทุนในปีนี้ว่า จากปัจจัยที่ผลักดันตลาดหุ้นโลกได้แก่ สภาพคล่องที่มีล้นตลาดทั้งเงินจากรัฐบาลอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ จากธนาคารกลางในประเทศต่างๆ และประชาชนมีเงินสดในมือ และการกลับมาฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากพอสมควรดังนั้นการเข้าลงทุนรอย่อตัวและเข้าลงทุนโดยเลือกหุ้น laggard ซึ่งเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 อาทิกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อที่กำลังปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน
ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ปรับขึ้นไปค่อนข้างมาก แต่ในช่วงนี้ที่ย่อตัวเป็นจังหวะสะสม เพราะมองการลงทุนกลุ่มเทคโนโลยี เป็นการลงทุนตามธีมเมกะเทรนด์ที่ใช้เวลา 10 ปีจึงแนะนำลงทุนระยะยาว โดยธีมที่ลงทุนในระยะยาวเกี่ยวข้องกับ Climate Change , Aging Population, Digitalization ที่รวม Fin Tech และการเติบโตของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
ส่วนการลงทุนในไทยมองว่าระยะสั้นหุ้นไทยน่าสนใจในปีนี้ เหมาะที่จะสะสมหุ้นไทยซึ่งหากการแพร่ระบาดโควิด-19 จบ เศรษฐกิจจะรีบาวด์ หุ้นที่เคยได้รับผลกระทบจะกลับมาเร็วอย่างกลุ่มโรงแรมที่รอฟื้นตัว แนะลงทุนหุ้น laggard อาทิ อสังหาริมทรัพย์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นมองว่าเป็นการสะท้อนเศรษฐกิจที่รีบาวด์หลังเหตุการณ์โควิดระบาดจบลง โดยคาดว่า Bond Yield จะเคลื่อนไหวในช่วง 1.4-1.7% ในช่วง 3-6 เดือน