นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บมจ.ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่(BAT-3K) เปิดเผยว่า รายได้ปีนี้ของบริษัทน่าจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.1 พันล้านบาท หรือโต 10% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ และการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มีกว่า 170 สาขาทั่วประเทศ ทำให้ยอดขายเป็นไปตามที่วางไว้
สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นการจัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นโดยจะใช้งบประมาณ 20 ล้านบาทในการทำโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นและการที่บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเมื่อเทียบกับคู่แข่งไม่ว่าจะแบตเตอรี่รถยนต์หรือแบตเตอรี่โซล่าเซลล์ และแบตเตอรี่สำหรับรถโฟล์คลิฟต์ และการที่บริษัทมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.กับลูกค้าตรงนี้เป็นส่วนที่ส่งผลดีให้บริษัทมีความแตกต่างและได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ผลิตเดียวกันซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทต้องการมีมาร์เก็ตแชร์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 37% ถึงแม้ในปีนี้จะมีมาร์เก็ตแชร์ 35% แต่ก็ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ รายได้ที่เติบโตกำไรก็น่าจะเติบโตไปพร้อมกับรายได้ โดยเชื่อว่ากำไรปีนี้จะไม่น้อยกว่าปีก่อนที่ 150 ล้านบาท และจะยังคงรักษาสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 50% ต่างประเทศ 50%
ในส่วนของแบตเตอรี่นินจาที่บริษัทได้ออกขายในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีโดยปริมาณขายอยู่ที่ 30,000 ลูกต่อเดือน คิดเป็น 20-25% ของรายได้รวมทั้งหมด และในอนาคตมีแผนที่จะส่งออกขายไปต่างประเทศด้วยอาจจะเป็นปีนี้หรือปีหน้าโดยจะเจาะไปในเพื่อนบ้านก่อน
อีกทั้ง บริษัทมีแผนที่จะทำแบตเตอรี่สำรองไฟขนาดใหญ่เพื่อเจาะลูกค้าขนาดใหญ่ด้วย เช่น โรงไฟฟ้า โรงพยาบาล แต่เชื่อว่าคงยังไม่เห็นในปีนี้เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ถึงแม้เป็นโครงการใหญ่ก็ไม่กังวลเพราะสามารถกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ได้และโครงการนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วยหากจะทำ
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า หากราคาตะกั่วซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของบริษัทปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3.5 พันเหรียญฯต่อตัน ก็จะมีการพิจารณาปรับราคาสินค้าขึ้นแต่ปัจจุบันราคายังทรงตัว โดย ณ ไตรมาส 3/50 ราคาตะกั่วยังทรงตัวที่ 3 พันเหรียญฯต่อตัน ซึ่งในอัตรานี้บริษัทยังสามารถแบกรับต้นทุนที่เกิดขึ้นได้ ประกอบกับการที่บริษัทมีโรงงานรีไซเคิลตะกั่วจึงทำให้ต้นทุนลดลง
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตเต็มที่อยู่ที่ 3.5 แสนลูกต่อเดือน แต่ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 3.3 แสนลูกต่อเดือนถือว่าเพียงพอ และคงยังไม่เพิ่มกำลังการผลิต แต่ทั้งนี้การลดต้นทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถรักษา net profit margin อยู่ที่ 3% ได้ ซึ่งเป็นระดับที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากลดต้นทุนการผลิตด้วยการรีไซเคิลแล้วยังลดค่าใช้จ่ายจากพลังงานด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--