นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.เอส โฮเทล แอนด์รีสอร์ท (SHR) เปิดเผยว่าในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 4,000 ล้านบาทใกล้เคียงปี 62 หลังจากรวมพอร์ตในสหราชอาณาจักรเข้ามา ซึ่งจะรับรู้รายได้ไตรมาสละ 800-1,000 ล้านบาท และคาดลุยธุรกิจได้อย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 พร้อมวางแผนขยายโรงแรมให้ครบ 80 แห่งภายในปี 68
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลยุทธ์หลัก คือ การปรับพอร์ตโฟลิโอ โดยมีทั้งแผนการซื้อและขายซึ่งในต้นปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้ซื้อหุ้น 50% ใน 26 โรงแรม ของสหราชอาณาจักรภายใต้แบรนด์ Mercure และได้มีการวางแผนปรับพอร์ตบางส่วน โดยจะมีการขายโรงแรมที่มีผลประกอบการต่ำกว่าศักยภาพ 3-6 แห่ง และนำเงินที่ได้มาปรับปรุงพอร์ตที่เป็นตัวหลักในสหราชอาณาจักรคือที่แมนเชสเตอร์หรือเอดินเบิร์ก โดยนักลงทุนที่มาซื้อจะเป็นนักลงทุนภายในประเทศ ซึ่งมีความคุ้นเคยและเชี่ยวชาญกับธุรกิจภายในประเทศเป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะทราบความคืบหน้าเรื่องการซื้อขายพอร์ตเพิ่มภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้
ในส่วนของโรงแรมอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสหราชอาณาจักร กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและสำรวจ โดยอาจมีการเปิดให้เช่าเหมารีสอร์ท การนำพื้นที่บางส่วนของ CrossRoads มัลดีฟส์ ไปทำประโยชน์อย่างอื่น รวมไปถึงการวางแผนเพิ่มความสามารถในการทำรายได้ให้กับทาง เดอะ มารีน่า ซึ่งยังคงมีพื้นที่เหลืออยู่อีกด้วย
และกลยุทธ์อีกด้านคือ ทางบริษัทวางแผนจะหารายได้ตามข้อจำกัดของสถานการณ์ในแต่ละประเทศ โดยในประเทศที่ยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทาง เช่น ประเทศไทย ฟิจิ และมอริเชียส ก็ยังคงต้องหาช่องทางสร้างรายได้ภายใต้ข้อจำกัดในการเดินทาง นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการควบคุมต้นทุน โดยจะต้องหาวิธีควบคุมต้นทุนให้เหมาะสมกับโรงแรมที่ยังเปิดให้บริการได้ไม่เต็มที่อีกด้วย ในส่วนของประเทศมัลดีฟส์ยังคงต้องสร้างสมดุลระหว่างอัตราการเข้าพักและราคาการเข้าพักให้มีจุดที่เหมาะสมกัน
สำหรับงบลงทุนปี 2564 โดยหลักแล้วจะใช้กับการ Rebranding ธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย SAii Laguna Phuket และ SAii Phi Phi Island Village โดยในแต่ละโรงแรมจะใช้งบประมาณ 3-5 ล้านบาท ในส่วนของงบลงทุนอื่น ๆ ยังคงต้องพูดคุยกับผู้บริหารพอร์ตถึงรายได้และกำไรอย่างละเอียด โดยพอร์ตที่ลงทุนเพิ่มอาจจะเป็น โรงแรม เอาท์ริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ท ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงศึกษาและพิจารณาว่ามีศักยภาพในการเพิ่มรายได้อย่างไรบ้าง
นายชัยรัตน์กล่าวถึงสถานการณ์ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในแต่ละประเทศว่าในประเทศมัลดีฟส์ยังคงมีกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยว ในส่วนของประเทศไทย ฟิจิ และมอริเชียส ยังคงต้องพึ่งการท่องเที่ยวในประเทศ และสหราชอาณาจักรที่เผชิญสถานการณ์ล็อคดาวน์อีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าในบางประเทศยังคงต้องเผชิญความท้าทายหลายอย่าง แต่ในไตรมาสแรกนี้ยังคงมีมาตรการต่าง ๆ ที่ชัดเจนและคืบหน้ามากกว่าไตรมาส 4/63 ไม่ว่าจะเป็นมาตรการการฉีดวัคซีน การปลดล็อคประเทศ รวมไปถึงแผนระยะยาวซึ่งจะส่งผลดีกับธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน