นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง ซึ่งทำให้อัตราขนส่งบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.64 อยู่ที่ 70% จากช่วงก่อนโควิดในเดือน ม.ค.-มี.ค.62 เคยอยู่ในระดับ 90% โดยเฉพาะในเดือน ม.ค.64 ลดลงไปถึงที่ระดับ 40% นอกจากนั้น ความถี่ของการบินกลดลงไปมากด้วย ทำให้ยอดขายรวมมีไม่ถึง 50% ของช่วงก่อนเกิดโควิด จึงส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด (Cashflow) และการชำระหนี้
ดังนั้น บริษัทจึงต้องกลับมาประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจกันใหม่ รวมถึงโปรแกรมชำระหนี้ โดยขณะนี้บริษัทได้เจรจาเจ้าหนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ให้เช่าเครื่องบินไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว เพราะหากบริษัทสามารถชำระหนี้ได้เร็วจะได้รับส่วนลดต่าง ๆ โดยเฉพาะภาระดอกเบี้ย
ขณะที่บริษัทจะต้องประเมินว่ารัฐบาลจะเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาได้เมื่อใด เบื้องต้นหากเปิดประเทศได้ภายในปลายปีนี้ก็จะทำให้บริษัทสามารถเปิดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศได้ ซึ่งจะทำให้การใช้งานเครื่องบินพิ่มเป็น 13 ชม./วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 8 ชม./วัน
อย่างไรก็ดี ยังต้องพิจารณาสถานการณ์ในประเทศปลายทางด้วย เพราะบางประเทศยังไม่อนุมัติให้คนต่างชาติเดินทางเข้าไปได้ เช่น ญี่ปุ่น และ จีน เป็น อย่างกรณีของจีน แม้ว่าไทยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาได้และลดวันกักตัวลง แต่เมื่อเดินทางกลับเข้าประเทศจีนก็ต้องกักตัวแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม ซึ่งขณะนี้รัฐบาลจีนก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะปรับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างไร ทำให้มีหลายอย่างที่คาดการณ์ได้ยาก
"เราต้องประคองตัวให้พ้นสิ้นปีนี้ cashflow ไม่มีปัญหา ประคองได้ถึงปลายปีนี้ เราได้เจรจาไว้ว่าจะจ่ายค่าเช่าตามจริง เราก็ไม่มีปัญหา" นายวุฒิกร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ก่อนวันสงกรานต์ หลังจากนั้นจะมีการจัดประชุมเจ้าหนี้