(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา ฉุดดาวโจนส์ร่วง 143.39 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 6, 2007 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 140 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านที่ร่วงอย่างหนัก นอกจากนี้ นักลงทุนตีความรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่า  โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น มีไม่มากนัก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 143.39 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 13,305.47 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 17.13 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 1,472.29 จุด และ ดัชนี Nasdaq ลดลง 24.29 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 2,605.95 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.39 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.97 พันล้านหุ้น
นายวอลเตอร์ เกราซีโมวิคซ์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเมดิตรอน แอสเซท เมเนจเมนท์ ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐทำให้นักลงทุนจำนวนมากแห่เข้าซื้อพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปี ร่วงลงแตะระดับ 4.47% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.เป็นต้นมา
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ค.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี ทั้งนี้ แม้มีนักลงทุนบางกลุ่มพยายามมองว่าข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าข้อมูลยอดขายบ้านครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวขึ้น
รายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต และเป็นรายงานที่จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 18 ก.ย.ระบุว่า ภาวะผันผวนในตลาดการเงินส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลงด้วย แม้ภาคเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ได้รับความเสียหายในวงกว้างก็ตาม ทั้งนี้ นักลงทุนผิดหวังที่ว่ารายงาน Beige Book ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"ตลาดมีปฏิกริยาในด้านลบอย่างรุนแรงต่อรายงาน Beige Book ของเฟด ขณะที่ข้อมูลยอดขายบ้านที่ร่วงลงทำให้นักลงทุนนำมาเป็นข้ออ้างในการเทขาย โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถูกกระหน่ำขายหนักสุด" นายเกราซีโมวิคซ์ กล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ที่พุ่งขึ้น 65 เซนต์ แตะระดับ 75.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าน้ำมันดิบสำรองร่วงลงอย่างรุนแรง และความวิตกกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอริเคน
ทั้งนี้ หุ้นแมทเทล ดีดขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 21.98 ดอลลาร์ แต่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้า หลังจากแมทเทลประกาศเรียกคืนสินค้าของเล่นที่ผลิตในประเทศจีน เนื่องจากพบสารตะกั่วปนเปื้อน ขณะที่หุ้นแอ็ปเปิ้ล อิงค์ ดิ่งลง 5.1% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดตัวเครื่องเล่น iPod เวอร์ชั่นใหม่ของบริษัท
ส่วนหุ้นคอสท์โก โฮลเซล ร่วงลง 4.2% หลังจากบริษัทรายงานยอดขายเดือนส.ค.อ่อนตัวลง 2 % ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ