นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 64 จะสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 2,394 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลงานใหม่ทั้งโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา BIZ ลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขายเครื่องมือแพทย์ เครื่องฉายรังสีชนิดเร่งอนุภาคพลังงานสูง (Linac) รุ่น VitalBeam ผลิตภัณฑ์ Varian Medical System., Inc ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะติดตั้งที่ศูนย์รังสีรักษาของโรงพยาบาลไทยนครินทร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ขณะที่บริษัทคาดว่าจะส่งมอบงานติดตั้งอุปกรณ์สำหรับศูนย์รักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มูลค่า 963 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3/64 ซึ่งเลื่อนมาจากกำหนดเดิมในเดือน ก.ย.63 เนื่องจากไม่สามารถนำวิศวกรจากต่างประเทศเข้ามาติดตั้งอุปกรณ์ได้เพราะติดมาตรการปิดประเทศจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
"แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ทีมงานของเรายังคงมุ่งมั่นขยายฐานลูกค้า และเดินหน้าส่งมอบเครื่องฉายรังสีให้กับลูกค้า และปีนี้ถือเป็นปีทองของเรา เพราะมี Backlog ที่ค้างมาจากปีที่ผ่านมา และเตรียมส่งมอบทั้งหมดภายในปีนี้ ยังไม่นับรวมงานใหม่ที่อยู่ระหว่างรอการประมูลอีกหลายรายการ เพื่อเข้ามาเติม Backlog ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจของเราเติบโตอย่างก้าวกระโดด"นายสมพงษ์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทเตรียมทำการตลาดโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ BIZ ถือหุ้นในสัดส่วน 65% เพื่อสร้างการรับรู้ และเพิ่มจำนวนผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการมากขึ้น คาดว่าจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากที่เข้าร่วมโครงการภาครัฐ ผู้ถือบัตรทอง 30 บาท รักษาได้ทุกที่ทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถถือบัตรทอง เพื่อยืนยันตัวตนเข้ารับการรักษาได้ โดยไม่ต้องรอคิวฉายรังสีรักษาเป็นเวลานานเหมือนที่ผ่านมา ผลักดันรายได้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
สำหรับผลงานในปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 765.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.24% โดยมาจากรายได้จากธุรกิจหลักขายเครื่องมือทางการแพทย์ มีสัดส่วน 70% และขายบริการ 25-26% ส่วนรายได้จากโรงพยาบาล มีเพียง 4% คาดว่าปีนี้จะดีขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 44.4 ล้านบาท ลดลง 63.42% ส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน