ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทเอกชน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 48.86 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 13,766.70 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 10.28 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 1,518.75 จุด และ ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 12.19 จุดหรือ 0.46% ปิดที่ 2,654.29 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.27 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 12 ต่อ 5 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.79 พันล้านหุ้น
นักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีวิตกกังวลเมื่อราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงที่เหนือระดับ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้อาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นและอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
"เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ดาวโจนส์พุ่งขึ้นไปกว่า 400 จุดหลังจากที่เฟดสร้างปรากฏการณ์ด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น 0.50% ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของนักลงทุน แต่รายงานผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทเอกชนและราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ ทำให้นักลงทุนชะลอการทำโพสิชั่น" นายไบรอัน เจนดรู นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัทไอเอ็นจี อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์กล่าว
"ตลาดมีปฏิกริยาในด้านลบต่อวาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์ และบริษัทเซอร์กิต ซิตี้ ที่เปิดเผยตัวเลขกำไรไตรมาส 3 ที่ร่วงลงเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าอีกนานเท่าใดที่เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลในด้านบวกจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอีกนานเท่าใดที่บริษัทสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ" นายเจนดรูกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลง 9,000 ราย ขณะที่สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดรายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐปรับตัวลดลง แต่เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ตัวเลขการผลิตในรัฐฟิลาเดลเฟียดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย.
ส่วนการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรสสหรัฐเมื่อคืนนั้น ไม่ได้มีการส่งสัญญาณว่าเฟดจะดำเนินการใดๆต่อไปในเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยเบอร์นันเก้กล่าวเพียงว่า วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อก่อให้เกิดภาวะตึงตัวในตลาด พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะควบคุมเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ชะลอตัวลงไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ หุ้นเซอร์กิต ซิตี้ ร่วงลง 18% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.97 ดอลลาร์ ปิดที่ 203.53 ดอลลาร์ แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม
หุ้นแบร์ สเติร์นส์ รูดลง 18 เซนต์ ปิดที่ 115.46 ดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทเปิดเผยผลประกอบการปรับตัวลดลง โดยแบร์ สเติร์นส์ขาดทุนอย่างหนักจากการที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ 2 แห่งของบริษัทเข้าไปลงทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพรม์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--