นายเสรี สินธุอัสว์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของปี 64 ทำได้แล้ว 2,000 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 7,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ราว 1,200 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้ได้ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า ขณะที่บริษัทคาดว่าทั้งปีนี้จะมีรายได้ 6,000 ล้านบาท เติบโตราว 13-14% จากปีก่อน
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้หลักยังมาจากแนวราบ และจากตลาด Real Demand ของกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งแบ่งเป็นทาวน์โฮม 55-60% และ บ้านแนวคิดใหม่-บ้านเดี่ยว 40-45%
ด้านเป้าหมายระยะยาวในช่วง 3-5 ปี บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตเฉลี่ย 10-15% จากการทยอยเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 6-7 พันล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนของ บ้านเดี่ยว-บ้านแฝดมากขึ้นเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ
ในช่วงต้นปีบริษัทเปิดตังไปแล้ว 2 โครงการ คือ LIO Bliss ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท ขนาด 173 ยูนิต และ บ้านลลิล The Prestige ประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์ ปรับรูปแบบบ้านใหม่ให้หรูหรามากขึ้น และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการปลายเดือน มี.ค.นี้ ขณะที่บริษัทมีโครงการในมืออีก 5 โครงการที่เตรียมทยอยเปิดขายในช่วงไตรมาส 2/64
บริษัทยังได้ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินปีนี้ราว 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 700-800 ล้านบาท และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนถมดิน และโครงการก่อสร้างบ้านใหม่อยู่ทั้งหมด 7 โครงการ
"ด้านราคาวัตถุดิบที่ภาพรวมมีการปรับราคาลงนั้นส่งผลดีต่อบริษัท จะมีราคาเหล็กที่มีการขยับเพิ่มเล็กน้อย แต่หากเทียบเป็นสัดส่วนถือว่ากระทบกับทางบริษัทไม่เกิน 1%"นายเสรี กล่าว