นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิปโก้ฟูดส์ (TIPCO) เปิดเผยในงาน "กัญชง กัญชา เปิดประตูสู่อนาคตอุตสาหกรรมอาหาร" ว่า บริษัทฯ ใช้งบลงทุนหลักร้อยล้านบาท รองรับการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชง กัญชา ทั้งการพัฒนาสายพันธุ์ โดยได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ที่มีความได้เปรียบทางธุรกิจ, การปลูก การสกัด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการคัดเลือกเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มซื้อและติดตั้งได้เร็วๆ นี้ รวมถึงการผลิต โดยกระบวนการผลิตปัจจุบันถือว่าเอื้อต่อการทำธุรกิจดังกล่าวอยู่แล้วถึง 90% และอีก 10% จะเป็นเรื่องของการต่อยอด เพื่อให้สามารถผลิตและจำหน่ายได้ทันที
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คาดว่าจะสามารถได้รับใบอนุญาต ดังกล่าวได้ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.64 ซึ่งหากได้รับใบอนุญาตแล้ว ในส่วนของการปลูก ในช่วงแรกอาจจะเป็นการซื้อวัตถุดิบจากผู้ที่มีใบอนุญาตปลูก เพื่อนำมาผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากการปลูกน่าจะต้องใช้เวลา แต่ในระยะยาวยืนยันว่า บริษัทฯ สามารถดำเนินการปลูกได้อย่างแน่นอน และยังมีสายพันธุ์เป็นของตัวเองด้วย
ขณะที่การสกัดเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ในเรื่องของการบรรจุ บริษัทฯ ค่อนข้างพร้อม โดยคาดว่าจะสามารถทยอยออกผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มกัญชง กัญชาได้ในช่วงปลายปี 64 (หลังได้รับใบอนุญาต) วางเป้าหมายยอดขายในประเทศปีนี้ไว้ที่ 100 ล้านบาท
"ในช่วงแรกเราคงเน้นการจำหน่ายในประเทศไทยก่อน โดยเราประเมินมูลค่าตลาดกัญชง กัญชาในปี 67 จะมีการใช้ยา ราว 6,000-7,000 ล้านบาท และใช้ในแง่ของอาหารและเครื่องดื่ม ราว 10,000 ล้านบาท รวมเกือบ 20,000 ล้านบาท ภายใต้การศึกษาของกรอบกฎหมายปัจจุบัน ซึ่งหากกฎหมายเปิดกว้างมากกว่านี้ อุตสาหกรรมน่าจะเติบโตได้มากกว่านี้อีก จากนั้นเราถึงจะขยายไปสู่ตลาดการส่งออก ซึ่งก็คงเป็นประเทศที่มีกฎหมายรองรับ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ออสเตรเลีย เป็นต้น"นายยงสิทธิ์ กล่าว
สำหรับตลาดส่งออก บริษัทฯ มองเป็นในเฟสที่สอง เนื่องจากราคาวัตถุดิบปัจจุบันยังไม่นิ่ง หรือมีราคาค่อนข้างสูงเกินความเป็นจริง โดยตลาดต่างประเทศที่จะไปนั้นก็คงจะเป็นประเทศที่มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ออสเตรเลีย นอกจากนี้หากมองตลาดประเทศดังกล่าวถือเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ อย่าง สหรัฐฯ เฉพาะตลาดเครื่องดื่ม CBD (U.S. CBD Beverage Market Value) มีอัตราการเติบโต (CAGR) ถึง 74.5% ต่อปี หรือคาดจะมีการเติบโตเป็น 1.4 พันล้านเหรียญฯ ในปี 66 ขณะที่ยุโรป ก็มีอัตราการเติบโตของตลาดสารสกัดจากกัญชง กัญชา หรือ CBD (European CBD Market Value) คิดเป็น 42% ต่อปี โดยหลักจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรม และบริโภคเป็นยา ซึ่งตลาดดังกล่าวค่อนข้างมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน น่าจะเป็นไปตามที่กฎหมายของแต่ละประเทศกำหนด จึงอยากฝากถึงภาครัฐว่า หากจะออกกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้อง ขอให้เปิดกว้างหรือเอื้อต่อตลาดปลายทางด้วย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมและการลงทุนด้วย
ทั้งนี้ในแง่ของความพร้อมนั้น ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการศึกษา และพัฒนาสายพันธุ์ กัญชง กัญชา มาแล้วหลายปี ซึ่งถือว่ามีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปลูก จากที่ผ่านมาก็มีการปลูกสัปปะรด และพืชสมุนไพรหลายตัว เพื่อทำเป็นยาและสารสกัด จึงค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ และยังมีทรัพยากรด้วย ขณะเดียวกันก็มีโรงงาน เพื่อรองรับการสกัด เช่น สัปปะรด กระชายดำ เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ
ส่วนเรื่องเครื่องดื่ม ปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ ยี่ห้อ TIPCO หรือน้ำแร่ธรรมชาติ ยี่ห้อออร่า โดยมีโรงงานขนาดใหญ่ที่ผลิตสินค้า ด้านโรงผลิต ปัจจุบันก็มีโรงผลิตสัปปะรดกระป๋อง และสินค้าแปรรูปจากผลไม้จำนวนมาก เพื่อส่งออกเป็นหลัก นอกเหนือจากนี้ บริษัทฯ ก็มีความสามารถในการจำหน่าย แต่อย่างไรก็ตามการขายที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์กัญชง กัญชา ยอมรับว่าอาจจะเป็นเรื่องที่ท้าทายใหม่ เนื่องจากตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่จะขายผ่านช่องทางออนไลน์ และร้าน Smoke Shop ขณะที่ประเทศไทย การขายผ่านออนไลน์น่าจะทำได้ดี แต่อาจจะต้องระวังปัญหาเรื่องการโฆษณาเกินจริง เป็นต้น รวมถึงยังมียี่ห้อที่หลากหลาย และมีหน้าร้าน เช่น ร้านค้าจำหน่ายน้ำผลไม้ SQUEEZE ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
"หากมองในแง่ของ Value Chain ตั้งแต่ต้นน้ำ เราก็มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ และการปลูก รวมทั้งร่วมมือกันทำในเรื่องของการสกัด เพื่อมีพืชสกัดเป็นของตัวเอง ส่วนผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ เราก็มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ซึ่งผลิตภัณฑ์กัญชง กัญชาเองก็อยู่ในตำแหน่งที่ทิปโก้ทำได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ยา สมุนไพร อาหารเสริม เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ อาหารทั่วไป และเครื่องดื่มต่างๆ อย่างไรก็ตามเราก็อยากเข้าไปมีส่วนร่วมในกระแส หรือการส่งเสริมของภาครัฐเพื่อทำให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจที่ช่วยกระตุ้นการลงทุน กระตุ้น GDP การสร้างงาน การส่งออกให้กับประเทศไทย" นายยงสิทธิ์ กล่าว