นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรในปี 64-68 จะสามารถเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ต่อปี โดยมาจากทุกธุรกิจของบริษัทที่จะมีการเติบโตและสร้างผลประโยชน์ร่วมกันในกลุ่ม ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรรายใหม่ทั้ง เคบี คุกมินการ์ด บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตเบอร์ต้นจากเกาหลีใต้ และ TIS Inc จากญี่ปุ่น ที่จะช่วยเข้ามาหนุนทั้งด้านเงินทุน และเทคโนโลยีจากบริษัทร่วมทุน
สำหรับปีนี้บริษัทวางงบลงทุนของกลุ่มไว้ราว 14,600 ล้านบาท เพื่อให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเตรียมสรุปการเจรจาร่วมลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ในไตรมาส 3/64 นี้ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้บริการทั้งด้านค้าปลีกของกลุ่มทั้งหมด เช่น หน้าร้านของเจมาร์ท กว่า 200 สาขา สาขาของ SINGER กว่า 7,000 สาขา และสาขาของ IT Junction และ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ซึ่งการเข้าลงทุนในพันธมิตรที่มีโครงข่ายระบบโลจิสติกส์จะเข้ามาเชื่อมโยงจุดต่างๆ ของสาขา และการรับส่งสินค้าภายในกลุ่มจะทำให้ง่ายขึ้นด้วยปลายนิ้วสัมผัสของลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มากนักสำหรับกลุ่ม JMART
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมสรุปแผนการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจนายหน้าประกันภัย และธุรกิจการเงิน ภายในช่วงไตรมาส 4/64 จากจุดแข็งของบริษัทที่มีฐานขอมูลของลูกค้าในมือมากถึง 6.7 ล้านราย และกลุ่ม JMART มีธุรกิจประกันภัยอยู่แล้ว ได้แก่ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเสริมแกร่งด้วยเทคโนโลยีจาก บริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด และ TIS Inc. ที่จะผลักดันให้กลุ่มเจมาร์ทรุก InsurTech ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยทั้ง 2 ธุรกิจใหม่จะช่วยเสริมศักยภาพการจำหน่ายสินค้าของบริษัท ทั้งการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ที่จะมีสินเชื่อส่วนบุคคลเข้ามาหนุนการจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีระบบเทคโนโลยีด้านต่างๆ เข้ามาช่วยให้ระบบการเงินที่เป็นออนไลน์ ให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว รองรับการปฏิวัติของเทคโนโลยี (Disruption) ของธุรกิจค้าปลีก และการเงิน และยุคของ Social Distancing ซึ่งจะเชื่อมโยงจากระบบ Online to Offline อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงผู้บริโภค
"สิ่งที่เรามุ่งมั่นที่จะทำคือ การทำระบบออนไลน์ที่แข้งแรงมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบทั้งระบบ E-KYC E-Wallet และ Payment Gateway รวมไปถึงการเก็บข้อมูลที่จะมาเป็น Big Data และการเก็บ Credit Scoring ที่จะทำให้การหาลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมที่เราอาจจะหาลูกค้าได้ 20,000 รายต่อเดือน แต่จากนี้ไปการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เราอาจจะเห็นการลูกค้าหลักได้ 100,000 คนต่อวัน ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งจะทำให้เรามีการเติบโตในรูปแบบที่เรียกว่า J-Curve"นายอดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ปีนี้ยังคงเดินหน้าที่จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะมีพอร์ตสินเชื่อมากกว่า 10,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 6,604 ล้านบาท โดยเน้นการขยายไปยังกลุ่มลูกค้าเกษตรกร และกลุ่มลูกค้าในระบบโลจิสติกส์ ที่จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาพรวมของเศรษฐกิจมากนัก
นอกจากนี้บริษัทคาดว่านี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้จะไม่เกิน 4% จาก ณ ช่วงสิ้นปีก่อนอยู่ที่ระดับ 4.4% โดยบริษัทมีการพัฒนาระบบการปล่อยสินเชื่อ การควบคุมคุณภาพหนี้ และพัฒนากระบวนการการเก็บหนี้ที่มีประสิทธภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ด้าน บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) จะมีโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ "JAS GREEN VILLAGE-KUBON" เปิดตัวในไตรมาส 4/64 นี้ พร้อมรุกธุรกิจด้าน Senior Living และการขยายธุรกิจเพื่อเชื่อมโยง NPA Ecosystem ของ JMT ซึ่งเป็นโครงการ Synergy ร่วมกันของบริษัทในกลุ่ม ที่สามารถสร้างกระแสรายได้จากการอสังหาริมทรัพย์อีกมาก