โบรกเกอร์ ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น TNDT ที่จะเข้าเทรดวันแรกในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ราคาเหมาะสมตั้งแต่ 3.60-4.30 บาท/หุ้น จากราคา IPO ที่ 3.10 บาท/หุ้น
บล.บีฟิท ประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้ทั้งเปรียบเทียบอัตราส่วน P/E (ใช้ 11 เท่า อิงกับ mai) P/BV (ใช้ 2 เท่าอิงกับ mai) และวิธี DCF ได้ราคาในช่วง 3.6— 4.9 บาท ซึ่งประเมินให้ค่าเฉลี่ยที่ 4.1 บาท เป็นมูลค่าที่เหมาะสมในปีนี้ เราประมาณกำไรในปี 2007 นี้ไว้ที่ 32.95 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนโดยกำไรต่อหุ้น (EPS) จากหุ้นถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น ขณะที่คิดแบบ Full dilution ได้กำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น
ฝ่ายวิเคราะห์ ประเมินเงินปันผลโดยอิงกับอัตรา Payout ที่ 40% ของกำไรสุทธิ ได้ราว 0.13 บาท
และคาดว่ามูลค่าที่เหมาะสมจะดีขึ้นเรื่อยๆในปีหน้า เนื่องจากลูกค้าเป้าหมายของ TNDT คือกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตเคมี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และอุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งล้วนแต่มีศักยภาพในการเติบโตทั้งสิ้น ขณะที่ TNDT มีศักยภาพด้านบุคลากรและประกอบกิจการมานานกว่า 25 ปี จึงสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในและนอกประเทศ ได้โดยอาศัยความได้เปรียบในด้านชื่อเสียงและประสบการณ์ รวมทั้งอัตราค่าบริการ และ เน้นใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มขึ้น เพื่อขยายตลาด จนอยู่ในกลุ่มผู้นำตลาดบริการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing : NDT) และบริษัทได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าบ้าง สำหรับต้นทุนอุปกรณ์เครื่องมือซื้อจากต่างประเทศแม้จะไม่ได้นำเข้าโดยตรง ขณะที่รายได้จากการขายเกือบทั้งหมดเป็นการขายในประเทศ
ด้านบล.สินเอเซีย(ACLS) ให้ราคาเป้าหมายปี 51 ที่ 4.12 บาทต่อหุ้น โดยประเมินด้วยวิธี P/E Ratio ที่ 8 เท่า จากค่าเฉลี่ย P/E อุตสาหกรรมพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีที่เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ TNDT ที่อยู่ในระดับ 9-10 เท่า และใช้ EPSจากกำไรปกติปี 51 ที่ 0.51 บาทต่อหุ้นจะได้ราคาเป้าหมายที่ 4.12 บาทต่อหุ้น
เนื่องจากมองว่า TNDT มีความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจ เนื่องจากมีประสบการณ์มานานทำให้มีฐานลูกค้าที่มั่นคง สามารถให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า, มีอุปกรณ์และเครื่องมือใช้ในการทดสอบที่พร้อมให้บริการในทุกอุตสาหกรรม, บุคลากรซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการแข่งขัน มีความชำนาญและมาตรฐานสากลในการทำงานโดยร่วมงานกับบริษัทมานานกว่า 5-20 ปี, มีสำนักงานสาขา 6 แห่งใน 6 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศไทย และ มีอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการจากต่างประเทศในขณะที่มีคุณภาพการบริการเท่าเทียมกัน
จากภาวะอุตสาหกรรมในกลุ่มพลังงานด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ TNDT มีการขยายงานต่อเนื่อง เช่น PTT มีการขยายงานการวางท่อก๊าซธรรมชาติมากขึ้น PTTEP มีการสำรวจและผลิตที่สูงขึ้นทำให้ต้องมีแท่นขุดเจาะเพิ่ม ส่วน PTTCH และ ATC มีการขยายกำลังการผลิตและขยายธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งการขยายงานต่างๆ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมาที่ธุรกิจการให้บริการของ TNDT ให้สามารถเติบโตไปพร้อมกับการขยายงานของกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ดังนั้น คาดว่า กำไรปกติปี 50 และปี 51 ของ TNDT จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 30.5% และ 47.4% ตามลำดับ หรือประมาณ 34.93 ล้านบาทในปี 50 และ51.49 ล้านบาทในปี 51
ส่วน บล.เคทีบี แนะนำซื้อ TNDT โดยให้ราคาเป้าหมายปี 50 ที่ 4.30 บาท และปี 51 ที่ 6.10 บาท เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคตที่ดีในขณะที่ใช้ P/E 10 เท่ากับ P/E ของ ตลาด mai ในขณะที่มี Growth ของกำไรต่อหุ้นมากกว่า 40% จึงมองว่าราคาหุ้นของ TNDT สามารถขยับขึ้นไปลงทุนใน P/E ที่สูงกว่าได้ถ้าแนวโน้มกำไรเป็นไปตามคาด
อนึ่ง TNDT เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 20,000,000 หุ้นราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อนำเงินไปใช้ดำเนินการด้านต่าง ๆ ได้แก่ การใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือ เทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อใช้ขยายการให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรม การขยายสำนักงานสาขาที่จะให้บริการกับลูกค้าในส่วนภูมิภาคและต่างจังหวัด ซึ่งมีอยู่ 6 แห่งในประเทศในขณะนี้ การส่งเสริมการฝึกอบรมของพนักงานและบริการ NDT และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--