นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 จากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อนำไปให้บริการหรือเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ในกรณีที่ไม่ต้องการรอวัคซีนของรัฐบาลแต่ต้องการฉีดและพร้อมจะจ่ายเงินเอง คาดว่าดำเนินการให้บริการได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้
"ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมีความเคลื่อนไหวในการเตรียมนำเข้าวัคซีนโควิด-19 รวมถึงสั่งซื้อจากองค์การเภสัชฯ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่ไม่อยากรอวัคซีนจากรัฐบาลแต่ต้องการฉีดโดยพร้อมจะจ่ายเงินเอง ซึ่งการที่โรงพยาบาลเอกชนร่วมนำวัคซีนมาใช้บริการให้กับประชาชน นอกจากจะช่วยเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยฟื้นเรื่องของการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องจักรที่สำคัญและเศรษฐกิจในภาพรวมให้ดีขึ้นด้วย"นพ.อำนาจ กล่าว
สำหรับแผนงานในปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวม 800 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 658 ล้านบาท พร้อมคาดว่ากำไรจะเติบโตเป็นราว 100 ล้านบาท โดยแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ดีขึ้น ประชาชนเริ่มทยอยได้รับวัคซีน
รวมไปถึงความคืบหน้าเรื่องวัคซีนพาสปอร์ต ซึ่งจะทำให้ลูกค้าต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศจีน ขณะที่บริษัทยังอยู่ในช่วงศึกษาขยายฐานลูกค้าในประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดีย เวียดนาม และพม่า
ส่วนของผู้ป่วยในประเทศ ผู้ป่วยใน (IPD) ผู้ป่วยนอก (OPD) ยังคงเข้ามารับบริการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการให้บริการรักษาโรคเฉพาะทางมากขึ้น และในปีที่ผ่านมามีการปรับปรุงในส่วนงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กุมารเวช, ศูนย์ หู ตา คอ จมูก, ศูนย์ทันตกรรม และห้องพักผู้ป่วยใน
ในปี 64 บริษัทวางงบลงทุน 30-40 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงศูนย์กายภาพบำบัด เคาน์เตอร์พยาบาล และทางเดินหน้าห้องพักผู้ป่วย รวมถึงการลงทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการเข้ามาใช้บริการของคนไข้ได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนการปรับปรุงศูนย์ไตเทียมและวอร์ดผู้ป่วยในจะเลื่อนออกไปเป็นปีหน้าเนื่องด้วยผลกระทบจากโควิด-19
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาซึ่งจะเริ่มในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของทางโรงพยาบาลได้ และบริษัทยังมีการปรับลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งต้นทุนหลักของโรงพยาบาลคือบุคลากรทางการแพทย์ ทางบริษัทมีการบริหารจัดการบุคลากรที่ดี มีการจัดตารางเวรให้เหมาะสมกับจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ รวมไปถึงเหมาะสมกับมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ และเพิ่มการหารายได้จากแหล่งอื่นเข้ามา ซึ่งเน้นไปที่ลูกค้าคนไทยและจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านความงามเพิ่มมาอีกด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับการแพร่ระบาดหนักของโรคไวรัสโควิด-19 ทั้งในเรื่องของการบริการด้านการแพทย์ Online Telemedicine, Drive Thru, Delivery และการเดินทางมาใช้บริการ
นพ.อำนาจ เปิดเผยอีกว่า บริษัทจดทะเบียนบริษัทย่อยคือ บจก.เอกชัย เนอร์สซิ่งโฮม ซึ่งในตอนแรกจะเปิดเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเพียงอย่างเดียว ภายใต้เงินลงทุน 60 ล้านบาท แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งได้เพิ่มเงินลงทุนเป็น 110 ล้านบาท เป็นอาคาร 5 ชั้น 30 เตียงโดยอยู่ในช่วงดำเนินการก่อสร้าง และจะเปิดให้บริการในเดือน ม.ค.65 ที่จะถึงนี้
นายสุทธิพงศ์ ตั้งสัจจะพจน์ กรรมการบริษัท กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินการในไตรมาส 1/64 ว่ารายได้เติบโตได้ดี โดยมีรายได้จากการตรวจโควิด-19 และการรับแอดมิทผู้ป่วยโควิด-19 เนื่องจากศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร
นพ.อำนาจ ยังเปิดเผยอีกว่า สำหรับการนำกัญชาและกัญชงมาใช้ในธุรกิจ ทางบริษัทมองว่ากัญชาและกัญชงเป็นหนึ่งในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการใช้ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในระยะสุดท้าย ซึ่งทางบริษัทอยู่ในช่วงศึกษาและพูดคุยกับพาร์ทเนอร์หลายราย แต่ยังคงต้องจับตาดูความชัดเจนของนโยบายจากภาครัฐต่อไป