นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลง เนื่องจากมีความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 กลับมารอบใหม่ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงก่อน และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุว่าจะปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจากที่จะยังไม่ลดการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ปรับตัวลง ซึ่งก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา แม้ว่าตลาดบ้านเราจะมีมาตรการภาครัฐฯมาช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ตลาดก็ตอบรับไปมากแล้ว ซึ่งตลาดฯคงจะเผชิญแรงขายทำกำไรเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดต่างประเทศมีแรงขายออกมาที่หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, โรงแรม และพลังงาน ซึ่งตลาดบ้านเราก็มีโอกาสที่จะเป็นเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังต้องติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของทั่วโลกที่ทยอยประกาศออกมา และให้ติดตามดุลการค้าของไทยที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาเกินดุล รวมถึงติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,555-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,423.15 จุด ร่วงลง 308.05 จุด (-0.94%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,910.52 จุด ลดลง 30.07 จุด (-0.76%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,227.70 จุด ลดลง 149.84 จุด (-1.12%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 17.38 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 230.37 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 59.89 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 มี.ค.)1,564.25 จุด ลดลง 2.11 จุด (-0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 922.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 มี.ค.) ปิด 57.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 3.80 ดอลลาร์ หรือ 6.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 มี.ค.) อยู่ที่ 1.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.01 แนวโน้มอ่อนค่าตามตลาดหลังดอลล์แข็ง ให้กรอบวันนี้ 30.90-31.05
- สมาคมแบงก์ขานรับมติครม. อนุมัติ พ.ร.ก.ซอฟท์โลนฉบับใหม่ อุ้มผู้ประกอบการ 3.5 แสนล้าน ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2.5 แสนล้าน ดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 5% "โกดังพักหนี้" แสนล้าน นำทรัพย์สินมาพัก 5 ปี ซื้อคืน เช่าทำธุรกิจได้ "สุพัฒนพงษ์" คาดช่วย 4-6 หมื่นบริษัท รักษาจ้างงาน 8 แสนคน ธปท.ยืนยันไม่มีสินเชื่อท็อปอัพ แม้หลักประกันสูงกว่าหนี้
- ภาครัฐผนึกกำลังเอกชนท่องเที่ยวเดินหน้าฟื้นธุรกิจ "6 แอร์ไลน์" จับมือ ททท. อัดโปรฯ "ตั๋วถูก" กระตุ้นเดินทางโลว์ซีซั่น "กัปตันพุฒิพงศ์" หวังไตรมาส 4 ไทยเปิดประเทศรับทัวริสต์ต่างชาติแบบไม่กักตัว หนุนเที่ยวบินต่างประเทศขยับ 20% ด้าน ครม.ไฟเขียวเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 วงเงินคงเหลือ 5.7 พันล้าน ขยาย 2 ล้านสิทธิ์
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% หลังภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดูแลผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทบทวนปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 64 ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.2% ซึ่งยังไม่ได้รวมการระบาดโควิดรอบใหม่ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวเลขเศรษฐกิจในครั้งนี้
- ครม.รับทราบความเห็น ป.ป.ช.ค้านขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ สนามบินสุวรรณภูมิ ชี้มีผลกระทบหลายเรื่อง แนะขยายด้านตะวันออกและตะวันตกก่อน จากนั้นก่อสร้างอาคารด้านใต้ตามมติ ครม.ปี 53 "ศักดิ์สยาม" ลั่นต้องสร้าง 3 โครงการพร้อมกัน ทอท. พร้อมลงทุน 6 หมื่นล้าน รองรับ 120 ล้านคน/ปี เม.ย.ชงบอร์ด สศช.ก่อนเสนอ ครม.
- ธปท.ประเมินเศรษฐกิจไทยพ้นสงครามโควิด-19 ได้ในช่วงไตรมาส 3/2565 ห่วงท่องเที่ยวระทมยาวต่ออีก 4-5 ปี ด้าน "กสิกร" ชี้มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ช่วยเปิดทางเลือกให้ผู้ประกอบการ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 472 บาท ประเมินราคาน้ำมันที่เริ่มพักฐาน ขณะที่ราคาปิโตรเคมียังยืนสูงต่อเนื่อง จะเป็นบวกต่อ Spread ธุรกิจปิโตรเคมีของ SCC (ต้นทุนของ SCC อิงน้ำมันดิบ ต่างจาก PTTGC ที่เป็นก๊าซ) และประเด็น ครม.เห็นชอบปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายปี 2565 ประเมินเป็นบวกต่อวัสดุก่อสร้าง ด้าน PBV 1.4 เท่าคิดเป็น -1 เท่า ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
- TISCO (เคทีบีเอสที)"ซื้อ"เป้า 105 บาท คาดกำไร Q1/64 เพิ่มขึ้นและจะเพิ่มขึ้นต่อใน Q2/64 จากสำรองฯที่ลดลง โดยประมาณการกำไรสุทธิใน Q1/64 ที่ 1.64 พันล้านบาท ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น +11% QoQ จากการตั้งสำรองฯที่ลดลงเพราะมีการตั้งเผื่อไปแล้วในปี 63 ขณะที่ NPLs จะทยอยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.70% จาก 2.50 % ในไตรมาสก่อน จากลูกหนี้เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือ โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 6.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +12% YoY จากการตั้งสำรองฯที่ลดลง ขณะที่ coverage ratio อยู่สูงที่สุดในกลุ่มฯที่ 211% ซึ่งรองรับความเสี่ยงจากโควิด-19 รอบใหม่ได้ และคาดกำไรใน Q2/64 จะมีปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY ได้จากสำรองฯที่ลดลง ทั้งนี้ TISCO มีความเสี่ยงต่ำในการตั้งสำรองฯเพิ่มเมื่อเทียบกับกลุ่มฯ และ NPL มีการบริหารจัดการได้ดี ขณะที่หากไม่มีข้อบังคับจาก ธปท. เรื่องการจ่ายเงินปันผลในปี 2564 คาดว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลยังมี dividend yield ที่อยู่ในระดับสูงถึง 7% ได้
- ERW (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 5.80 บาท ได้ประโยชน์ภาครัฐอนุมัติมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทยกระตุ้นภาคท่องเที่ยวเป็นบวกต่อ ERW เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ในประเทศมากสุด