นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยมีปัจจัยลบจากเงินทุนไหลออกกดดัน หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งขึ้น ก็ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเร่งแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียอ่อนค่า เห็นได้จากนักลงทุนต่างชาติได้ขายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นก็จะหนุนหุ้นที่อิงวัฎจักรเศรษฐกิจ และหุ้นที่ยัง Laggard น่าจะมาช่วยประคองตลาดฯได้ในวันนี้ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับในกรอบแคบราว 0.2%
พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,579-1,585 จุด
ขณะที่นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะดีดตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย โดยยังได้แรงหนุนจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้จะมีการปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 64 มาที่ 3.0% แต่หากมองดูองค์ประกอบต่าง ๆ ยังดีอยู่ มีเพียงแต่ภาคการท่องเที่ยวที่ยังชะลอตัวอยู่
สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นไปเมื่อคืนที่ผ่านมาก็น่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานได้บ้าง แต่อาจจะถูกกดดันจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่มีการเร่งตัวขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,420.06 จุด ลดลง 3.09 จุด (-0.01%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,889.14 จุด ลดลง 21.38 จุด (-0.55%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,961.89 จุด ลดลง 265.81 จุด (-2.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.99 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 51.81 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 290.06 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 มี.ค.)1,570.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.58 จุด (+0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 867.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 มี.ค.) ปิด 61.18 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 3.42 ดอลลาร์ หรือ 5.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 มี.ค.) อยู่ที่ 1.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.03 อ่อนค่าตามตลาดโลก ให้กรอบวันนี้ 30.95-31.10 จับตาตัวเลขส่งออกไทย
- กทท.เตรียมเสนอ "แหลมฉบัง 3" เข้าครม.ไฟเขียว "กัลฟ์-ปตท." คว้าประมูลสัปดาห์หน้า หลังเสนอผลเจรจาผ่าน กพอ.เคาะผลตอบแทน 2.9 หมื่นล้านใกล้ราคากลาง ด้านอัยการตรวจผ่านร่างสัญญาฉบับแรก ชี้หากเป็นไปตามกรอบ ลงนามร่วมทุนภายใน พ.ค.นี้
- บอร์ดอีวีแห่งชาติ ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 100% ในปี 2578 เร็วขึ้นจากแผนเดิม 5 ปี พร้อมตั้งอนุกรรมการ 4 ด้าน สร้างอีโคซิสเท็มหนุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมการผลิตโครงสร้างพื้นฐาน แบตเตอรี่ "เอกชน" แนะสร้างโมเดลธุรกิจ พัฒนาคนมีสินเชื่อรองรับ
- รมว.คลังชี้หากตลาดทุนไทยพัฒนาสู่ตลาดทุนดิจิทัล หนุนเติบโตอย่างยั่งยืน แนะ ก.ล.ต.ให้ความสำคัญระบบป้องกันภัยทางไซเบอร์ เพื่อสร้างความมั่นใจนักลงทุน พร้อมให้นโยบายดันประชาชน-ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ระดมทุนเท่าเทียม
- กนง.รับเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อน สั่งคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปี พร้อมหั่นจีดีพี 64 เหลือ 3% คาดใช้เวลา 2 ปีครึ่งกว่าจะฟื้นตัว ด้าน "คลัง" จี้ ก.ล.ต.ผุดกฎเหล็กคุมเข้ม Digital Asset - คริปโทเคอร์เรนซี หวังไต่ขึ้นอันดับ 3 ตลาดทุนดิจิทัลระดับโลก
*หุ้นเด่นวันนี้
- EA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 69 บาท ได้ Sentiment บวกคณะกรรมการรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติตั้งเป้าให้ประเทศไทยใช้รถไฟฟ้าทั้งหมด 1.15 ล้านคันในปี 2578 และเตรียมออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อจูงใจผู้ประกอบการและผู้ใช้รถยนต์
- DCC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 3 บาท ปัจจัยหนุนที่เด่นชัดในปีนี้จะมาจากราคาขายกระเบื้องที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากคู่แข่งกระเบื้องนำเข้าราคาต่ำจากจีนมีปริมาณลดลงเพราะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ประกอบกับการใช้กำลังการผลิตของบริษัทในปีนี้ที่สูงขึ้นจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นตาม โดยรวมแล้วน่าจะทำให้ผลประกอบการ Q1/64 ดีขึ้นต่อทั้ง QoQ/YoY ส่วนหน้าร้านที่เป็นศูนย์รวมวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง คาดว่าจะมีรายได้จากพื้นที่เช่าสูงขึ้นกว่าปีก่อนเช่นกัน DCC ประกาศจ่ายปันผลสำหรับรอบ (1 ต.ค.-31 ธ.ค.63) 0.044 บาท/หุ้น จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 เม.ย.64 คิดเป็น Yield 1.7%
- CHG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.50 บาท คาดการเติบโตของกำไรปี 2564 ยังแข็งแกร่งทั้งจากรายได้เงินสดและประกันสังคงที่เป็นฐานหลัก และมีรายได้ส่วนเพิ่มจากการรับบริหารโรงพยาบาลเกาะล้านและศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสิรินธร พร้อมประมาณการกำไรปี 2564 ที่คาด +13% Y-Y มี Upside ขณะที่ราคาหุ้นปรับพักตัวลงหาแนวรับบริเวณ 2.84-2.86 บาท ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับถือเป็นสัญญาณบวกทางเทคนิค